คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1118/2567 นาง ร. กับพวก โจทก์
องค์การบริหารส่วนตำบล บ.
กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕62 มาตรา 44 วรรคสอง
แบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นรายการคำนวณราคาประเมิน
ทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แบ่งออกเป็นลักษณะการทำประโยชน์ จำนวนเนื้อที่ดิน
คำนวณเป็นตารางวา ราคาประเมินต่อตารางวา ราคาประเมินของที่ดิน รวมราคาประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หักมูลค่าฐานภาษีที่ได้รับยกเว้น คงเหลือราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ต้องชำระ
อัตราภาษีร้อยละ จำนวนภาษีที่ต้องชำระ เมื่อปรากฏว่าคำอธิบายเพิ่มเติมประกอบหนังสือแจ้ง
การประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ระบุรายละเอียดของรายการเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินพิพาท อัตราภาษี
ที่จัดเก็บ รายละเอียดการคำนวณภาษี จำนวนภาษีที่ต้องเสีย และลักษณะการใช้ประโยชน์
ในที่ดินพิพาท(ที่ว่างเปล่า) หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจึงมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔๔ วรรคสองกำหนดไว้
แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ส่งแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ทั้งสี่
ก็ไม่ทำให้หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขาดความน่าเชื่อถือ จนเป็นเหตุให้
โจทก์ทั้งสี่ไม่สามารถโต้แย้งคัดค้านได้อย่างถูกต้องอันจะมีผลต่อการคัดค้านการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนบัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ไม่ใช่เอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ส่งไปพร้อมกับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เมื่อที่ดินพิพาทมิได้อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อทำประโยชน์ ถูกรอนสิทธิในการทำประโยชน์
โดยกฎหมาย หรือโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า
______________________________
โจทก์ทั้งสี่ฟ้อง ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามหนังสือแจ้ง
การทบทวนการประเมินภาษีที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ประจำปีภาษี ๒๕๖๕ ทั้งสองฉบับ หนังสือแจ้งผล
การพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดนนทบุรี
และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดนนทบุรี
ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินค่าภาษีที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ ๕๔,๔๑๖.๒๕ บาท ดอกเบี้ย
ร้อยละหนึ่งต่อเดือนของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จสิ้น
หากศาลมีคำพิพากษาให้ลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีแก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเงินจำนวนเท่าใด โจทก์ทั้งสี่ขอให้ศาล
มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินค่าภาษีที่ดินส่วนค่าลดหย่อนภาษีตามจำนวน
ที่ศาลพิจารณาเห็นสมควรให้แก่โจทก์ทั้งสี่รับคืนไป พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของเงินต้น
ที่ศาลมีคำพิพากษาให้สั่งคืน นับแต่วันที่โจทก์ทั้งสี่ชำระค่าภาษีที่ดินในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ จนกว่าจำเลยทั้งสองจะร่วมกันหรือแทนกันชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสี่
เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทรวม ๓ แปลงคือที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๕๙๗๓, ๒๕๙๗๔ และ ๒๕๙๗๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ที่ดินพิพาทมีอาณาเขตติดต่อกัน เนื้อที่รวม ๓ ไร่
๙๘.๔ ตารางวา ไม่มีสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ปี ๒๕๖๕ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นนทบุรีจัดทำบัญชี
กำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทในราคาตารางวาละ ๑๗,๕๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ เห็นว่า
ที่ดินพิพาทไม่ได้รับยกเว้นการจัดเก็บภาษี จึงต้องคำนวณมูลค่าที่ดินรวมกันเป็นฐานภาษี โดยมีมูลค่า
ฐานในการคำนวณภาษี ๒๒,๗๒๒,๐๐๐ บาท โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท
และปล่อยที่ดินพิพาททิ้งไว้ว่างเปล่า พนักงานประเมินของจำเลยที่ ๑ จึงประเมินจัดเก็บภาษีที่ดิน
ในอัตราร้อยละศูนย์จุดสามรวมเป็นเงิน ๖๘,๑๖๖ บาท และมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างประจำปีภาษี ๒๕๖๕ พร้อมคำอธิบายเพิ่มเติมให้โจทก์ที่ ๑ ทราบโดยชอบแล้ว โจทก์ที่ ๑ ยื่นหนังสือและคำร้องคัดค้านการประเมินภาษีให้จำเลยที่ ๑ ทบทวนการประเมินภาษี จำเลยที่ ๑
มีหนังสือแจ้งผลให้โจทก์ที่ ๑ ทราบ โจทก์ที่ ๑ ได้รับแจ้งแล้วไม่เห็นด้วยจึงยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดนนทบุรี ขอให้ทบทวนการประเมินภาษีอากร
ที่ผิดพลาด เนื่องจากจำเลยที่ ๑ ประเมินภาษีโดยไม่ได้บรรเทาค่าภาษี เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่มีค่าภาษี
สูงเกินกว่าที่ต้องเสีย จำเลยที่ ๑ จึงให้โจทก์ทั้งสี่เสียภาษี ๕๑,๑๘๕.๒๕ บาท และมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปีภาษี ๒๕๖๕ พร้อมคำอธิบายเพิ่มเติม และมีหนังสือแจ้งยกเลิกหนังสือแจ้งการประเมินภาษีฉบับเดิม โจทก์ทั้งสี่ชำระภาษีและยื่นคำร้องคัดค้านการประเมินภาษี ขอให้จำเลยที่ ๑ ทบทวนการประเมินภาษีโดยอ้างเหตุเดียวกับคำร้องคัดค้านเดิม จำเลยที่ ๑ เห็นว่าการประเมินภาษีถูกต้องแล้วและกรณีของโจทก์ทั้งสี่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการลดหรือยกเว้นภาษี จึงมีหนังสือแจ้งให้
โจทก์ทั้งสี่ทราบ โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์การประเมินภาษีอากร คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดนนทบุรีพิจารณาแล้ว เห็นว่าการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ ๑
ถูกต้องแล้ว จึงมีมติยกอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสี่ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ข้อแรกว่า หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจำเลยทั้งสองแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ทั้งสี่ทราบโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔๔ วรรคสอง กำหนดว่า การแจ้งการประเมินภาษีและแบบประเมินภาษีให้เป็นไปตาม
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
ราคาประเมินทุนทรัพย์ อัตราภาษี และจำนวนภาษีที่ต้องชำระ โดยประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๖ กำหนดว่า
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นหนังสือให้แก่ผู้เสียภาษีทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีตามมาตรา ๔๔ วรรคสอง และข้อ ๙ กำหนดว่าแบบแจ้งการประเมินภาษีตามมาตรา ๔๔ วรรคสอง ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้ เห็นว่า แบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายการคำนวณราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งรายการคำนวณราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินแบ่งออกเป็นลักษณะการทำประโยชน์ จำนวนเนื้อที่ดินคำนวณ
เป็นตารางวา ราคาประเมินต่อตารางวา ราคาประเมินของที่ดิน รวมราคาประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หักมูลค่าฐานภาษีที่ได้รับยกเว้น คงเหลือราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ต้องชำระ อัตราภาษีร้อยละ จำนวนภาษีที่ต้องชำระ เมื่อปรากฏว่าคำอธิบายเพิ่มเติมประกอบหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ ๑ ระบุรายละเอียดของรายการเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินพิพาท อัตราภาษีที่จัดเก็บ รายละเอียดการคำนวณภาษี จำนวนภาษีที่ต้องเสีย และลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาท (ที่ว่างเปล่า) หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยทั้งสองจึงมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่พระราชบัญญัติภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔๔ วรรคสองกำหนดไว้ แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ส่งแบบแสดงรายการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ทั้งสี่ ก็ไม่ทำให้หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้างของจำเลยทั้งสองขาดความน่าเชื่อถือ จนเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่ไม่สามารถโต้แย้งคัดค้าน
ได้อย่างถูกต้องอันจะมีผลต่อการคัดค้านการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังที่โจทก์ทั้งสี่อ้าง
ส่วนที่โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์ในประเด็นนี้ต่อไปว่า จำเลยที่ ๑ ไม่นำส่งบัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดิน
ของกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่ไม่สามารถคัดค้านราคาประเมินที่ดินตามบัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่ต่ำและตกอยู่ในวงล้อมเป็นที่รับน้ำของที่ดินข้างเคียงและถนนสาย
บ้านโพธิ์เอน-บ้านบางไกรใน (ถนนทางหลวงชนบทนนทบุรี ๔๐๙๒) ที่มีการถมดินและปรับถนนสูงกว่า
ระดับพื้นดินเดิมไม่น้อยกว่า ๒.๕๐ เมตร ซึ่งสภาพที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามราคาประเมินกรมธนารักษ์
หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สมควรจะต้องประเมินราคาที่ดินต่ำกว่าที่ดินแปลงข้างเคียง จึงเป็นเหตุ
ให้โจทก์งสี่ไม่อาจโต้แย้งการคิดคำนวณเพื่อเรียกเก็บภาษีที่ดินโจทก์ทั้งสี่ให้เป็นไปด้วยความเป็นธรรม
และโดยถูกต้องได้นั้น เห็นว่า บัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ไม่ใช่เอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ส่งไปพร้อมกับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ข้อที่สองว่า ที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสี่
เป็นที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ เห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์ทั้งสี่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็น
ได้ว่า ในประจำปีภาษีพิพาทมีเหตุธรรมชาติเกิดขึ้นแก่ที่ดินพิพาททำให้โจทก์ทั้งสี่ไม่สามารถ
เข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ คงกล่าวอ้างแต่เพียงผลของน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพมหานคร
จังหวัดนนทบุรี และปริมณฑลในปี ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างจากประจำปีภาษีพิพาทถึง ๑๑ ปี นอกจากนี้การที่โจทก์ทั้งสี่อ้างตามคำอุทธรณ์ว่าไม่มีปัจจัยจำนวนหลายล้านบาทซื้อดินมาถมนั้น ก็ไม่ใช่
เหตุพ้นวิสัยตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อีกทั้งโจทก์ทั้งสี่ก็มิได้นำพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า
นอกจากที่ดินพิพาทแล้วที่ดินในบริเวณข้างเคียงกับที่ดินพิพาทก็ไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ได้อย่างไร พยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสี่นำสืบมายังไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสี่ไม่สามารถทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้เนื่องจากมีเหตุธรรมชาติหรือเหตุพ้นวิสัยดังที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อที่ดินพิพาทมิได้อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อทำประโยชน์ ถูกรอนสิทธิในการทำประโยชน์โดยกฎหมาย หรือโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ข้อเท็จจริง
จึงต้องฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าตามที่จำเลยทั้งสองให้การ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ข้อที่สามว่า กรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ทั้งสี่หรือไม่ เพียงใด โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์ว่า อำนาจการพิจารณาลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่นเพียงผู้เดียวที่จะพิจารณาลดหย่อน
การที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้จำเลยที่ ๑ พิจารณาลดหย่อนภาษีที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของจำเลยที่ ๑ ต้องมีหน้าที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ทั้งสี่ร้องขอนั้น พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง กำหนดว่าในกรณีที่มีเหตุ
อันทำให้ที่ดินได้รับความเสียหาย ให้ผู้เสียภาษีมีสิทธิยื่นคำขอลดหรือยกเว้นภาษีต่อผู้บริหารท้องถิ่น
ได้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ซึ่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๒
ข้อ ๒๗ กำหนดว่า นอกจากกรณีมีเหตุอันพ้นวิสัยที่จะป้องกันได้โดยทั่วไป หากที่ดินของผู้เสียภาษีรายใดได้รับความเสียหาย โดยมิได้มีเหตุมาจากผู้เสียภาษี ผู้เสียภาษีมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาลดหรือยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีต่อไปได้ การที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำคัดค้าน
การประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหามีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับประจำปีภาษีพิพาทของจำเลยทั้งสองไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ข้อสุดท้ายว่า โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้รับผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์ว่า เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้รับคำขอให้ลดหย่อนภาษีที่ดินจากโจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ ๒
มีหน้าที่จะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ทั้งสี่ร้องขอให้ออกเดินตรวจสอบสภาพที่ดินพิพาทตามเหตุผล ข้อขัดข้อง และเหตุปัจจัยอื่น ซึ่งมีสาเหตุมาจากผลกระทบฝนตกน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี ๒๕๕๔
ที่เกิดจากภัยธรรมชาติและที่ดินพิพาทเป็นที่ต่ำรับน้ำของที่ดินข้างเคียง น้ำไม่ไหลเวียนท่วมขังมีระดับสูง
น้ำเน่าเสียหรือไม่ การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้บริหารท้องถิ่น
และเมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดนนทบุรี
เพื่อคัดค้านการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปีภาษี ๒๕๖๕ และขอลดหย่อนภาษีที่ดิน
จำเลยที่ ๒ มีหน้าที่รวบรวมถ้อยคำสำนวน หนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ประจำปีภาษี ๒๕๖๕ ของจำเลยที่ ๑ หนังสือคัดค้านการแจ้งประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
และคำร้องขอให้พิจารณาลดหย่อนภาษีของโจทก์ทั้งสี่ไปยังคณะกรรมการดังกล่าวเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่จำเลยที่ ๒ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่จัดส่งเรื่องการขอให้พิจารณาการลดหย่อนภาษีให้แก่คณะกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณา การกระทำของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นการกระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อด้วยการไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย
อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ กรณีเป็นการโต้แย้งสิทธิต่อโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ ในคดีนี้ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ได้นั้น เป็นการอุทธรณ์ที่แตกต่างไปจากคำฟ้องของโจทก์ทั้งสี่
จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลภาษีอากรกลางตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากร
และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๔ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.
(นรินทร ตั้งศรีไพโรจน์ - สรายุทธ์ วุฒยาภรณ์ - วีนัส นิมิตกุล)
วัชระ เนื่องสิกขาเพียร - ย่อ
ศรีณัฐ พสุนธราธรรม - ตรวจ