คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วทป 52/2560 

                                      นายฮิง ลุน รี                                                            โจทก์

                                      บริษัทสห เอ.เจ. นิตติ้ง กรุ๊ป จำกัด                                  จำเลย

 

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (5), ๙

 

         โจทก์กล่าวอ้างและขอให้บังคับจําเลยรับผิดต่อโจทก์ในหนี้ค่าสินค้าตามสัญญาซื้อขาย ระหว่างโจทก์ผู้ขายซึ่งอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกับจําเลยผู้ซื้อ
ซึ่งอยู่ในประเทศไทย โดยมีการส่งสินค้าจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย อันเป็นการขายสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศซึ่งอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๕)

______________________________

 

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบธุรกิจขายสินค้าประเภทเส้นด้ายสังเคราะห์ที่เขตบริหารพิเศษ ฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนใช้ชื่อว่า ฮุน ยิป ฮอง เอ็นเตอร์ไพรส์ จําเลยเป็นลูกค้าสั่งซื้อเส้นด้าย สังเคราะห์จากโจทก์ เมื่อจําเลยสั่งซื้อสินค้าแล้วโจทก์จะว่าจ้างบริษัทเบอร์ลิงตั้น โกลบอล จํากัด ให้ส่งสินค้า ทางเรือเดินทะเลให้กับจําเลยที่ประเทศไทยจําเลยสั่งซื้อสินค้าเส้นด้ายสังเคราะห์กับโจทก์ 6 ครั้ง แล้วไม่ ชําระค่าสินค้าให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๗๐,๘๙๒.๐๒ ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย ๒,๒8๐,๖๙๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เป็นดอกเบี้ย ๕๒๓,๒๕6 บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ย ๒,๘๓๙,๗๗๖ บาท ขอให้บังคับจําเลย
ชําระเงิน ๒,๘๓๙,๗๗๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๒8๐,๖๙๔ บาท
นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชําระเสร็จแก่โจทก์

         จําเลยขาดนัดยื่นคําให้การ

         ในวันนัดพิจารณา ศาลจังหวัดพระโขนงพิจารณาแล้ว เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ใน
อํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงให้รอ
การพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว แล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
เป็นผู้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙

         พิเคราะห์แล้ว กรณีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายระหว่าง ประเทศตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดี ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่า คําฟ้อง
ของโจทก์กล่าวอ้างและขอให้บังคับจําเลยรับผิดต่อโจทก์ในหนี้ค่าสินค้าตามสัญญาซื้อขายระหว่าง
โจทก์ผู้ขายซึ่งอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกับจําเลยผู้ซื้อซึ่งอยู่ในประเทศไทย โดยมีการส่งสินค้าจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย อันเป็นการขายสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศซึ่งอยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๕)

 

วินิจฉัย ณ วัน 6 เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐

 

เมทินี ชโลธร

(นางเมทินี ชโลธร)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ