คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1883/2567   นางสาว ภ.                             โจทก์

         (ประชุมใหญ่)                                             นางสาว ส.                          จำเลย

ป.พ.พ.  มาตรา 1523 วรรคสอง

            โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์และมีคำขอบังคับ
ให้จำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องหย่าสามีโจทก์โดยอาศัยเหตุหย่า
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๑๖ (๑) โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้โดยอาศัยบทบัญญัติตามมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้หญิงอื่นนั้นต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่า
มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว ข้อความดังกล่าวจึงเป็นสภาพแห่งข้อหาที่โจทก์จะต้อง
แสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการ
อันเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่โจทก์จะนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว และศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้อง
ของโจทก์ได้

______________________________

         โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนาย พ. สามีโจทก์อีกต่อไป

         จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

         ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

         โจทก์อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความ
ไม่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติว่า โจทก์กับนาย พ. เป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ เด็กชาย ญ. และเด็กหญิง ร.
โจทก์รับราชการครู ส่วนจำเลยรับราชการทหาร

         คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
เพราะเหตุมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยนั้นเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนาย พ. สามีโจทก์ และมีคำขอบังคับ
ให้จำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องหย่าสามีโจทก์
โดยอาศัยเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๑๖ (๑) โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้โดยอาศัยบทบัญญัติตามมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “สามีจะเรียก
ค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น
ที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้” บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้หญิงอื่นนั้นต้องแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว “โดยเปิดเผย” ข้อความดังกล่าวจึงเป็นสภาพแห่งข้อหาที่โจทก์จะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้อง
ให้ปรากฏชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับนาย พ. สามีโจทก์ในทำนองชู้สาว จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่โจทก์จะนำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว และศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้เพราะกรณีตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจำเลยไม่มีหน้าที่
ตามกฎหมายที่จะต้องชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ตามบทบัญญัติแห่งมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง
แม้โจทก์จะอ้างมาในอุทธรณ์ว่าไม่ติดใจในประเด็นเรื่องค่าทดแทนจากจำเลย ก็ไม่ก่อให้เกิดประเด็น
ที่ศาลจะต้องวินิจฉัยตามคำฟ้องของโจทก์เช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยแล้ว
มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

(พาชื่น แสงจันทร์เทศ - รัชดาพร เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา - ฉันทนา ชมพานิชย์)

วุฒิพงศ์ เถาวัฒนะ – ย่อ

อุษา จิวะชาติ – ตรวจ