คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4266/2567 นาย ว. โจทก์
นาง พ. จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง มาตรา 1598/38
ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553
มาตรา 182/1 วรรคสอง
เมื่อไม่ปรากฏว่าข้อเท็จจริงในคำฟ้อง คำให้การกับฟ้องแย้ง คำให้การแก้ฟ้องแย้ง
และพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยว่า ธุรกิจบ้านของโจทก์มีลักษณะเป็นกงสี และโจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์ในธุรกิจดังกล่าวด้วย การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ธุรกิจของบ้านโจทก์เป็นลักษณะกงสี โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับประโยชน์ในธุรกิจดังกล่าวด้วย โจทก์จึงมีรายได้เพียงพอที่จะชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าเล่าเรียนบุตรทั้งสองตามที่จำเลยเรียกร้องได้ ย่อมถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้น
ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษหยิบยกข้อเท็จจริงดังกล่าว
มาวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 182/1 วรรคสอง ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของโจทก์ผู้มีหน้าที่ต้องให้ฐานะของผู้รับและพฤติการณ์
แห่งกรณีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/38 ประกอบกับโจทก์และจำเลยต่างมีหน้าที่ต้องร่วมกัน
ในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง เห็นสมควรกำหนดให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองแก่จำเลยเดือนละ 3,000 บาท ต่อคน จนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ
(อดุลย์ ขันทอง – ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล – วิชาญ พึ่งประสิทธิ์)
สลิลลา ขรรค์ชัยณรงค์ - ย่อ
สุทจิ์ธิฎา สุทธิพงศ์คณาสัย - ตรวจ
(คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1265/2565)