คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 764/2567 บริษัท อ. โจทก์
(ประชุมใหญ่) กรมสรรพากร กับพวก จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา 151
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 29 (3), ๓๐
ในการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาล ให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษาไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 29 (3) และมาตรา ๓๐ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่น
และคำร้องของโจทก์อีกต่อไป ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าผู้ใดควรชนะคดี โจทก์จึงหาต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ในคดีไม่
จึงควรเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เท่านั้น คือ จำนวน 200 บาท
การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาใหม่ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาล
แทนจำเลยทั้งหก โดยกำหนดค่าทนายความรวม 150,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 10,000 บาท นั้น คงมีความหมายรวมถึงค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200 บาท เท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์ได้วางไว้เกิน 200 บาท ต้องสั่งคืนให้แก่โจทก์ เพราะมิใช่เงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์ต้องชำระ ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางครั้งใหม่ โดยขอให้ถือเอาเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ครั้งใหม่ได้
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจาก โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง และยื่นคำร้องขอนำเงิน
ค่าขึ้นศาลที่โจทก์วางต่อศาลในการยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ มาใช้ในการยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ เนื่องจากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้ศาลภาษีอากรกลางทำคำพิพากษาใหม่ ต่อมา
ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาใหม่ โดยมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับค่าขึ้นศาลในการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว
ของโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่า กรณีมิอาจนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ได้เสียไว้สำหรับ
การอุทธรณ์ครั้งก่อนมาใช้ในการอุทธรณ์ครั้งนี้ได้ จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ว่า คำสั่ง
ศาลภาษีอากรกลางที่ไม่อนุญาตให้นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์ชำระไว้ในการอุทธรณ์ครั้งก่อนมาใช้ในการอุทธรณ์ในครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางทำคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากคำพิพากษา
ของศาลภาษีอากรกลางมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๙ (๓)
และมาตรา ๓๐ โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังมิได้พิจารณาวินิจฉัยประเด็นโต้แย้งคำพิพากษาอื่น ๆ
ในอุทธรณ์ของโจทก์ การที่ศาลมิได้มีคำสั่งคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์จึงไม่ชอบด้วย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๑
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ในการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางของโจทก์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ๒๕๖๔ โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง
ให้ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาล ให้ศาลภาษีอากรกลาง
รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษาไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 29 (3) และมาตรา ๓๐ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นและคำร้องของโจทก์อีกต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ ดังนั้น
เมื่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าผู้ใดควรชนะคดี โจทก์จึงหาต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ตามจำนวนทุนทรัพย์ในคดีไม่ จึงควรเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์
อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เท่านั้น คือ จำนวน 200 บาท การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาใหม่
ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยทั้งหก โดยกำหนดค่าทนายความ
รวม 150,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 10,000 บาท นั้น คงมีความหมายรวมถึงค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200 บาท ดังกล่าว เท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์
ที่โจทก์ได้วางไว้เกิน 200 บาท ต้องสั่งคืนให้แก่โจทก์ เพราะมิใช่เงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์
ที่โจทก์ต้องชำระ ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางครั้งใหม่ โดยขอให้ถือเอาเงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ครั้งใหม่ได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางยกคำร้องของโจทก์มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ถือเอาเงินที่เหลือจำนวน 83,234 บาท ที่โจทก์วางศาลไว้
เป็นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ครั้งก่อน เป็นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ครั้งใหม่ได้ ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ที่ยังขาดอีกจำนวน 200 บาท มาวางศาลภายในเวลาที่ศาลภาษีอากรกลางกำหนด แล้วให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.
(ณัฐพร ณ กาฬสินธุ์ - เดชา คำสิทธิ – วิชัย จิตตาณิชย์)
วัชระ เนื่องสิกขาเพียร - ย่อ
วรวัฒน์ กุสลางกูรวัฒน์ - ตรวจ
ความเห็นแย้งในคดีหมายเลขดำที่ ภ 100/2566 หมายเลขแดงที่ 764/๒๕๖7
ข้าพเจ้านายณัฐพร ณ กาฬสินธุ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นายเดชา คำสิทธิ และนายวิชัย จิตตาณิชย์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนและองค์คณะในคดีนี้ และเข้าร่วมประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ แต่ไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ โดยข้าพเจ้ามีความเห็นดังนี้
การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่ง
เมื่อมีคำพิพากษาใหม่ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมอบให้ศาลภาษีอากรกลาง
ใช้ดุลพินิจในการสั่งค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทน มติที่ประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ที่เห็นว่า ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีว่าใครเป็นผู้ชนะคดี โจทก์จึงควร
เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์น่าจะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
และเป็นการตีความคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ทั้งหากคู่ความ
ในคดีอื่นมิได้ยื่นคำร้องขอให้นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในคดีก่อนมาใช้ในการอุทธรณ์ครั้งใหม่เหมือนโจทก์ในคดีนี้ ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในการยื่นอุทธรณ์ใหม่ นอกจากนี้ ในทางกลับกัน หากศาลภาษีอากรกลาง
มีคำพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และให้จำเลยทั้งหกใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์
จำเลยทั้งหกย่อมต้องชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ ๒๐๐ บาท การตีความเช่นนี้
เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรมต่อคู่ความอื่น เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาใหม่ยกฟ้อง และสั่งให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยทั้งหก จึงเป็นกรณีที่ศาลภาษีอากรกลาง
ใช้ดุลพินิจสั่งค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ซึ่งรวมถึงค่าขึ้นศาล
ชั้นอุทธรณ์ โดยให้ตกเป็นพับแก่โจทก์ กรณีจึงไม่มีค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่โจทก์จะนำมาใช้ในการยื่นอุทธรณ์ครั้งใหม่ได้ คำสั่งศาลภาษีอากรกลางชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.
(ณัฐพร ณ กาฬสินธุ์)
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
(เดชา คำสิทธิ)
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
(วิชัย จิตตาณิชย์)
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ