อุทธรณ์ที่ตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย
หมายเลขคดีดำที่ ร.374/2560 นางสาวชนกภัทร์ วสะสมิทธ์ โจทก์
หมายเลขคดีแดงที่ 695/2560 ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กับพวก จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์นำใบคำขอเปิดบัญชีใหม่มาเปิดบัญชีเงินฝากให้กับ พ. จำนวน 2 บัญชี โดย พ.ไม่ได้ลงลายมือชื่อในคำขอเปิดบัญชี แต่โจทก์เป็นผู้ลงชื่อในใบคำขอเปิดบัญชีในช่องผู้ขอใช้บริการและการ์ดตัวอย่างลายมือชื่อหลังสมุดของทั้งสองบัญชี แล้วโจทก์นำเอกสารเกี่ยวกับการขอเปิดบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีมาเปิดบัญชีเงินฝากกับจำเลยที่ 1 สาขาถนนเพชรบุรี ซอย 20 เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 2 และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 ในนาม พ. ต่อมาวันที่ 9 และ 10 ตุลาคม 2557 มีรายการโอนเงินจากธนาคารทหารไทยของ พ. มาเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 จำนวน 250,000 บาท และ 2,250,000 บาท ตามลำดับ วันที่ 12 ตุลาคม 2557 มีการนำเงินฝากของ พ. มาเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 จำนวน 500,000 บาท และในวันที่ 16 ตุลาคม 2557 โจทก์ลงลายมือชื่อ พ. ในใบถอนเงินแล้วโอนเงิน 3 รายการดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 3,000,000 บาท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 พ. เปิดบัญชีเงินออมปลอดภาษีกับจำเลยที่ 1 เลขที่บัญชี 409 - 0 - 00580 - 2 มีการลงลายมือชื่อในใบถอนเงินลอยไว้โดยไม่กรอกข้อความ 1 ฉบับ พ. ถึงแก่ความตายวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 โจทก์นำใบถอนเงินลอยดังกล่าวมาปิดบัญชีเงินออมปลอดภาษีจำนวน 150,218.62 บาท โจทก์ลงลายมือชื่อ พ. ในใบถอนเงินแล้วนำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 900,000 บาท ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โจทก์ลงลายมือชื่อ พ. ในใบถอนเงินแล้วนำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 2,113,470.21 บาท ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2558 ผู้จัดการมรดกของ พ. ได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ง. และ น. นำแคชเชียร์เช็คจำนวน 3,163,688.83 บาท มาคืนให้แก่จำเลยที่ 1 หลังจากนั้น จำเลยที่ 1 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาทางวินัยแก่โจทก์โดยมีมติให้เลิกจ้างโจทก์ โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากับเงินอื่นของธนาคาร วันที่ 6 กรกฎาคม 2558 จำเลยที่ 1 มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง คณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้ว มีคำสั่งยืนตามคำสั่งเดิม
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของโจทก์ที่ลงลายมือชื่อ พ. ในใบคำขอเปิดบัญชีแล้วนำไปเปิดบัญชีเงินฝากชื่อ พ. ถอนเงินหรือกรอกใบถอนเงินที่มีลายมือชื่อ พ. หลังจาก พ. ถึงแก่ความตายไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม เนื่องจากยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่าโจทก์กระทำความผิด ก็ดี ธนาคารไม่ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือความไว้วางใจในการประกอบธุรกิจ เพราะโจทก์ทำตามคำสั่งเสียของ พ. ก็ดี เรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่เรื่องที่ลูกค้าหรือพนักงานของจำเลยที่ 1 ร้องเรียนการกระทำของโจทก์ แต่เป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งขัดผลประโยชน์กันระหว่างพี่น้องผู้มีสิทธิได้รับมรดกของ พ. กองมรดกของ พ. ไม่ได้รับความเสียหาย เพราะ ง. และ น. นำเงินมาคืนจำเลยที่ 1 และผู้จัดการมรดกของ พ. ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากจำเลยที่ 1 เงินดังกล่าวส่วนหนึ่งใช้ในการรักษาพยาบาล และจัดงานศพของ พ. ก็ดี พฤติการณ์ของโจทก์แม้เป็นการผิดระเบียบของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง การพิจารณาโทษควรพิจารณาจากความหนักเบาแห่งข้อหา เจตนากระทำความผิด ความเสียหายที่ได้รับ คณะกรรมการวินัยไม่ได้นำประวัติคุณงามความดีของโจทก์ การนำเงินมาคืนมาพิจารณาประกอบด้วย ก็ดี และคำเบิกความของ จ. พยานจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ถือเอาการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญหรือเป็นการกระทำที่ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย ก็ดี โจทก์มิได้ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบคำสั่งของจำเลยที่ 1 อันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมและเป็นความผิดร้ายแรง ก็ดี ล้วนแต่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางซึ่งรับฟังข้อเท็จจริงมาแล้วข้างต้น อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์เรื่องค่าตอบแทนพิเศษประจำปี ค่าน้ำมันเหมาจ่าย ค่าโทรศัพท์เหมาจ่ายว่าเป็นค่าจ้างนั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องมาจากอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 57
______________________________
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รับโจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะที่เลิกจ้าง ให้จำเลยที่ 1จ่ายค่าชดเชย 1,251,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 125,190 บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม 3,004,560 บาท และให้จำเลยที่ 3 จ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ463,798.59 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาต และให้จำหน่ายคดีเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 รับโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2528 ตำแหน่งสุดท้ายคือผู้จัดการสาขา สาขาถนนเพชรบุรี ซอย 20 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 98,640 บาท เงินโบนัสประจำปีขึ้นอยู่กับผลประกอบการของจำเลยที่ 1 และผลการปฏิบัติงานของโจทก์ จำเลยที่ 1 มอบบัตรเติมน้ำมันให้กับโจทก์ซึ่งโจทก์สามารถใช้ได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนด และค่าโทรศัพท์เหมาจ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินเดือนละ 1,500 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และก่อนวันสิ้นเดือน 1 วัน โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับนายพุทธิพงษ์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีบุตรด้วยกัน นายพุทธิพงษ์มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 คน คือนายวิชัย ถึงแก่ความตายแล้ว นายวิทูร นางงามจิตร และนางนภัสศรณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557 เป็นวันปิดทำการของจำเลยที่ 1 สาขาถนนเพชรบุรี ซอย 20 โจทก์นำใบคำขอเปิดบัญชีใหม่มาเปิดบัญชีเงินฝากให้กับนายพุทธิพงษ์ จำนวน 2 บัญชี โดยนายพุทธิพงษ์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในคำขอเปิดบัญชี แต่โจทก์เป็นผู้ลงชื่อในใบคำขอเปิดบัญชีในช่องผู้ขอใช้บริการ การ์ดตัวอย่างลายมือชื่อหลังสมุดของทั้งสองบัญชี และโจทก์เขียนชื่อนายพุทธิพงษ์ในเอกสารดังกล่าว วันที่ 6 ตุลาคม 2557 โจทก์นำเอกสารเกี่ยวกับการขอเปิดบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชี มาเปิดบัญชีเงินฝากกับจำเลยที่ 1 ที่สาขาถนนเพชรบุรี ซอย 20 เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 ในนามนายพุทธิพงษ์ ต่อมาวันที่ 9 ตุลาคม 2557 มีรายการโอนเงินจากธนาคารทหารไทยของนายพุทธิพงษ์มาเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 จำนวน 250,000 บาท วันที่ 10 ตุลาคม 2557 มีรายการโอนเงินจากธนาคารทหารไทยของนายพุทธิพงษ์มาเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 จำนวน 2,250,000 บาท วันที่ 12 ตุลาคม 2557 มีการนำฝากเงินของนายพุทธิพงษ์มาเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 409 - 6 - 01558 - 8 จำนวน 500,000 บาท และในวันที่ 16 ตุลาคม 2557 โจทก์ลงลายมือชื่อนายพุทธิพงษ์ในใบถอนเงินแล้วโอนเงิน 3 รายการดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 3,000,000 บาท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 นายพุทธิพงษ์เปิดบัญชีเงินออมปลอดภาษีกับจำเลยที่ 1 เลขที่บัญชี 409 - 0 - 00580 - 2 มีการลงลายมือชื่อในใบถอนเงินลอยไว้โดยไม่กรอกข้อความ 1 ฉบับ นายพุทธิพงษ์ถึงแก่ความตายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 โจทก์นำใบถอนเงินลอยดังกล่าวมาปิดบัญชีเงินออมปลอดภาษี จำนวน 150,218.62 บาท โจทก์ลงลายมือชื่อนายพุทธิพงษ์ในใบถอนเงินแล้วนำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 900,000 บาท ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โจทก์ลงลายมือชื่อนายพุทธิพงษ์ในใบถอนเงินแล้วนำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเลขที่ 409 - 6 - 01732 - 8 จำนวน 2,113,470.21 บาท ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2558 นายวิทูรผู้จัดการมรดกของนายพุทธิพงษ์ได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 วันที่ 29 พฤษภาคม 2558 จำเลยที่ 1 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 นางงามจิตร และนางนภัสศรณ์นำแคชเชียร์เช็คจำนวน 3,163,688.83 บาท มาคืนให้แก่จำเลยที่ 1 วันที่ 3 มิถุนายน 2558 จำเลยที่ 1 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโทษทางวินัยแก่โจทก์ โดยมีมติให้เลิกจ้างโจทก์ โดยไม่จ่ายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากับเงินอื่นของธนาคาร ต่อมาวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 จำเลยที่ 1 มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง คณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้ว มีคำสั่งยืนตามคำสั่งเดิม
ดังนั้น ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของโจทก์ที่ลงลายมือชื่อนายพุทธิพงษ์ในใบคำขอเปิดบัญชีแล้วนำไปเปิดบัญชีเงินฝากชื่อนายพุทธิพงษ์ และถอนเงิน หรือกรอกรายการใบถอนเงินที่มีลายมือชื่อนายพุทธิพงษ์หลังจากนายพุทธิพงษ์ถึงแก่ความตายไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม เนื่องจากยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่าโจทก์กระทำผิดก็ดี ธนาคารไม่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือความไว้วางใจในการประกอบธุรกิจ เพราะโจทก์ทำตามคำสั่งเสียของนายพุทธิพงษ์ก็ดีเรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่เรื่องที่ลูกค้าหรือพนักงานของจำเลยที่ 1 ร้องเรียนการกระทำของโจทก์แต่เป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งขัดผลประโยชน์กันระหว่างพี่น้องผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนายพุทธิพงษ์ กองมรดกของนายพุทธิพงษ์ไม่ได้รับความเสียหาย เพราะนางงามจิตร และนางนภัสศรณ์ นำเงินมาคืนจำเลยที่ 1 และผู้จัดการมรดกของนายพุทธิพงษ์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากจำเลยที่ 1 แล้ว เงินดังกล่าวส่วนหนึ่งใช้ในการรักษาพยาบาลและจัดงานศพของนายพุทธิพงษ์ก็ดี พฤติการณ์ของโจทก์แม้เป็นการผิดระเบียบของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรงการพิจารณาโทษควรพิจารณาจากความหนักเบาแห่งข้อหา เจตนากระทำความผิด ความเสียหายที่ได้รับ คณะกรรมการวินัยไม่ได้นำประวัติคุณงามความดีของโจทก์การนำเงินมาคืนมาพิจารณาประกอบด้วยก็ดีและคำเบิกความของนายจิรพันธ์ พยานจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ถือเอาการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญหรือเป็นการกระทำที่ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายก็ดี โจทก์มิได้ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบคำสั่งของจำเลยที่ 1 อันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมและไม่เป็นความผิดร้ายแรงก็ดี ล้วนแต่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางซึ่งรับฟังข้อเท็จจริงมาแล้วข้างต้นอันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัยส่วนอุทธรณ์ของโจทก์เรื่องค่าตอบแทนพิเศษประจำปี ค่าน้ำมันเหมาจ่าย ค่าโทรศัพท์เหมาจ่ายว่าเป็นค่าจ้างนั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องมาจากอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 57 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์.
(วิเชียร แสงเจริญถาวร - ยิ่งศักดิ์ โอฬารสกุล - ดาราวรรณ ใจคำป้อ)
ศาลแรงงานกลาง นายทิวิบูลย์ ปราการพิลาศ
นายเดชวิบุล พนาเศรษฐเนตร ผู้ช่วยฯ/ย่อสั้น
นายสุโรจน์ จันทรพิทักษ์ ผู้พิพากษาฯ ประจำกองผู้ช่วยฯ/ตรวจย่อสั้น/ตรวจย่อยาว
นายศิวานนท์ แนมใส นิติกร/ย่อยาว
นางสาวมนัสนันท์ อิ่มใจ พิมพ์