คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1/2560 บริษัทกู๊ดทีม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โจทก์
นายคัมภีร์ ศรีทอง ในฐานะ
พนักงานตรวจแรงงาน จำเลย
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๔, ๑๒๕
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๖
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสาม บัญญัติว่า
"เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา ๑๒๔ แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาท
โดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวัน
นับแต่วันทราบคำสั่ง" และวรรคสาม บัญญัติว่า "ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล
นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งนั้น จึงจะฟ้องคดีได้" ทั้งนี้
เพื่อไม่ให้การฟ้องคดีของนายจ้างเป็นการประวิงเวลาในการจ่ายเงินแก่ลูกจ้าง หากโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไม่พอใจคำสั่งของเจ้าพนักงานตรวจแรงงานที่สั่งตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๔ และเป็นฝ่ายนำคดีมาสู่ศาล โจทก์จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด คดีนี้ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งของจำเลยแล้ว แต่โจทก์มาฟ้องคดี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โจทก์สามารถฟ้องคดีได้ อีกทั้งโจทก์ก็ไม่นำเงินที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างตามคำสั่งจำเลยมาวางศาล
ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากและสามารถคำนวณดอกเบี้ยได้โดยง่าย แต่โจทก์กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินดังกล่าวโดยอ้างว่า ต้องให้เจ้าพนักงานคำนวณให้ถูกต้องเสียก่อน ซึ่งเป็นเรื่อง
ที่ขัดต่อเหตุผล พฤติการณ์ของโจทก์ส่อแสดงไปในทางว่าโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเป็นการประวิงเวลาในการ
จ่ายเงินแก่ลูกจ้างซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย กรณีจึงไม่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์
แห่งความยุติธรรมที่จะต้องขยายระยะเวลาวางเงินให้แก่โจทก์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงาน
และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๖ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินของโจทก์นั้นชอบแล้ว เมื่อโจทก็ไม่นำเงินที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างตามคำสั่งจำเลย
มาวางศาลพร้อมกับคำฟ้องย่อมทำให้คำฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้โจทก์จะนำเงิน
ซึ่งเป็นเงินจำนวนเดียวกันกับเงินที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามคำสั่งของจำเลยมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นการวางเงินที่พ้นกำหนดระยะเวลาตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๕ แล้ว หาทำให้ฟ้องโจทก์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายไปไม่ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว
______________________________
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก นายมานนท์ ซึ่งเคยเป็นลูกจ้างของโจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลยว่า โจทก์เลิกจ้าง
นายมานนท์โดยไม่คืนเงินค่าจ้างที่หักเป็นเงินสะสม ไม่จ่ายค่าจ้างและค่าชดเชย จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าชดเชย ค่าจ้างและคืนเงินค่าจ้างที่หักเป็นเงินสะสมให้แก่นายมานนท์ แต่โจทก์ไม่พอใจคำสั่งนั้น
จึงยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวพร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้าง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินว่า เหตุผลตามคำร้องไม่มีน้ำหนักและเหตุจำเป็น จึงไม่มีเหตุสมควรและจำเป็นที่จะขยายเวลาให้ ให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับวางเงินที่จะต้องจ่ายแก่ลูกจ้างต่อศาล
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลแรงงานกลางที่ยกคำร้อง
ขอขยายระยะเวลาวางเงินและคำสั่งที่ไม่รับฟ้องโจทก์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสาม บัญญัติว่า
"เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา ๑๒๔ แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรม
ของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง" และวรรคสาม บัญญัติว่า "ในกรณีที่ยจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาล
ตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำฟ้องคดีได้" ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การฟ้องคดีของนายจ้างเป็นการประวิงเวลา
ในการจ่ายเงินแก่ลูกจ้าง หากโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไม่พอใจคำสั่งของจำเลยที่สั่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๔ และเป็นฝ่ายนำคดีมาสู่ศาลแรงงาน โจทก็จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งของจำเลยตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ แต่โจทก์มาฟ้องคดีในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โจทก์สามารถฟ้องคดี
ได้ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕9 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดฟ้องคดีตรงกับ
วันเสาร์และวันถัดไปตรงกับวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการทั้งสองวันอีกทั้งโจทก์ก็ไม่นำเงินที่ต้องจ่าย
แก่ลูกจ้างตามคำสั่งจำเลยมาวางศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากและสามารถคำนวณดอกเบี้ยได้
โดยง่าย แต่โจทก์กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินดังกล่าวโดยอ้างว่า ต้องให้เจ้าพนักงานคำนวณให้ถูกต้องเสียก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อเหตุผล พฤติการณ์ของโจทก์ส่อแสดงไปในทางว่าโจทก์ฟ้องคดี
เพื่อเป็นการประวิงเวลาในการจ่ายเงินแก่ลูกจ้างซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย กรณีจึงไม่มี
ความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะต้องขยายระยะเวลาวางเงินให้แก่โจทก์
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕2๒ มาตรา ๒๖ ที่ศาลชั้นต้น
มีคำสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินของโจทก์นั้นชอบแล้ว เมื่อโจทก์ไม่นำเงินที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างตามคำสั่งจำเลยมาวางศาลพร้อมกับคำฟ้อง ย่อมทำให้คำฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้โจทก์
จะนำเงินซึ่งเป็นเงินจำนวนเดียวกันกับเงินที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามคำสั่งของจำเลยมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นการวางเงินที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๒๕ แล้ว หาทำให้ฟ้องโจทก์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายไปไม่ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(ธีระพล ศรีอุดมขจร – อนุวัตร ขุนทอง – กนกรดา ไกรวิชญพงศ์)
คฑาวุธ ราศรีกิจ - ย่อ
อิศเรศ ปราโมช ณ อยุธยา - ตรวจ