คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ  นางสาว ว.                                      โจทก์       

         ที่ วยช 47/2567                               นาย ร. ในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะ

                                                               ผู้จัดการมรดกของนาย ล. กับพวก             จำเลย

         โจทก์ฟ้องว่า ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินส่วนตัวของนาย ล. การที่จําเลยที่ ๑ กําหนดให้
ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินสมรสทั้งหมด และใช้วิธีการแบ่งทรัพย์มรดกโดยการจับสลากโดยที่โจทก์ไม่ได้ตกลงยินยอมด้วย เป็นการกระทําที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาท ให้จําเลยทั้งสองส่งมอบทรัพย์มรดกพิพาทคืนสู่กองมรดกและแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทให้แก่โจทก์ตามส่วน กับให้จําเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชําระค่าเสียหายแก่โจทก์
ส่วนจําเลยทั้งสองให้การว่า ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนาย ล. กับจําเลยที่ ๒
การแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว และจําเลยทั้งสองไม่ได้กระทําละเมิดต่อโจทก์ คดีนี้แม้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการแบ่งปันทรัพย์มรดก เรียกทรัพย์มรดกคืน และให้แบ่งปันทรัพย์มรดกใหม่ ซึ่งต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ ๖ แต่เมื่อตามคําฟ้องและคําให้การ
มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่า ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินส่วนตัวของนาย ล. หรือเป็นสินสมรสระหว่างนาย ล. กับจําเลยที่ ๒ อันจะมีผลถึงการแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทระหว่างทายาทโดยธรรม
ของนาย ล. คดีนี้จึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินซึ่งต้องบังคับ
ตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มาตรา ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัวตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)

______________________________

        

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนาย ล. กับนาง ก. จดทะเบียนสมรสกัน
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2548 (ที่ถูกคือ 2 ธันวาคม 2528) ต่อมาวันที่ 13 มกราคม 2540 นาย ล.
จดทะเบียนหย่ากับนาง ก. ภายหลังจากจดทะเบียนหย่า นาย ล. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 2
และมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ จำเลยที่ 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นาย ล. ถึงแก่ความตาย เดิมโจทก์เคยเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ล. ร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แต่ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากต้องการเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ
ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก จึงเหลือเพียงจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกและทายาทของนาย ล. ตรวจพบทรัพย์สินของนาย ล.
ที่เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยรวมทั้งสิ้น 35 รายการ แต่จำเลยที่ 1 มิได้แบ่งแยกว่าทรัพย์สินใดเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว ทรัพย์มรดกพิพาทในตู้นิรภัยดังกล่าว ตามรูปถ่ายรายการที่ 2-21, 23-25 และ 35 เป็นสินส่วนตัวของนาย ล. จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ล. ต้องแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทดังกล่าวให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของนาย ล. และทายาทอื่น ในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน แต่เมื่อวันที่
18 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นวันประชุมทายาทเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทของนาย ล. ครั้งที่ 10 จำเลยที่ 1 กระทำการทุจริตผิดต่ออำนาจหน้าที่ของการเป็นผู้จัดการมรดก โดยกำหนดให้ทรัพย์มรดกพิพาทของผู้ตายตามรูปถ่ายรายการที่ 2-21, 23-25 และ 35 เป็นสินสมรสระหว่างนาย ล. กับจำเลยที่ 2 และทำการแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทดังกล่าวด้วยวิธีการจับสลาก โดยจำเลยที่ 2 จับสลากก่อนกึ่งหนึ่ง

 

 

 

ของจำนวนสลากแต่ละรายการในฐานะคู่สมรสของนาย ล. หลังจากนั้นจึงให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จับสลากต่อในลำดับที่สองในฐานะทายาทโดยธรรม ส่วนสลากที่เหลือจากที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จับแล้ว จึงเป็นสิทธิของโจทก์ตามลำดับ โดยโจทก์ไม่ได้อยู่ร่วมในการจับสลาก และโจทก์ไม่ได้ตกลงยินยอมกับวิธีการแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทดังกล่าว โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองส่งมอบทรัพย์มรดกพิพาทกลับคืนสู่กองมรดกและทำการแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทให้ถูกต้องแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย
การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ล. ร่วมกับจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกและทายาทจึงเป็นโมฆะ และเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนการแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทของนาย ล. ตามรายงานการประชุมทายาทฯ ครั้งที่ 10 วันที่ 18 ธันวาคม 2565 และให้จำเลยทั้งสองส่งมอบทรัพย์มรดกพิพาทตามรูปถ่าย
ในรายการที่ 2-21, 23-25 และ 35 กลับคืนสู่กองมรดก หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถส่งมอบทรัพย์มรดกพิพาทดังกล่าวกลับคืนสู่กองมรดก ขอให้จำเลยที่ 1 ชำระราคาเป็นเงิน 1,214,500 บาท
จำเลยที่ 2 ชำระราคาเป็นเงิน 515,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้นคืนแก่กองมรดก และให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกจัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทซึ่งเป็นสินส่วนตัวของนาย ล. ให้แก่โจทก์ในฐานะทายาท
โดยธรรมในอัตราส่วน 1 ใน 3 ของทรัพย์มรดกทั้งหมด โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกัน
ออกค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม หากโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่สามารถตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทดังกล่าวได้ ให้นำทรัพย์มรดกพิพาทประมูลขายระหว่างทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หากไม่สามารถ
ประมูลขายระหว่างทายาทดังกล่าวได้ ให้นำทรัพย์มรดกพิพาทออกขายทอดตลาด นำเงินมาแบ่ง
ให้แก่โจทก์จำนวน 1 ใน 3 ส่วน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันออกค่าใช้จ่าย
และค่าธรรมเนียม และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้นแก่โจทก์

         จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาทุจริต หรือไม่ได้กระทำละเมิดตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ทรัพย์สินภายในตู้นิรภัยที่ขอเปิดไว้กับธนาคารพาณิชย์เป็นสินสมรสของนาย ล. กับจำเลยที่ 2
การแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาทถูกต้องและเป็นไปตามความประสงค์ของทายาททุกคนแล้ว จำเลยทั้งสอง
ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายพร้อมดอกเบี้ยต่อโจทก์แต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง

         ระหว่างพิจารณา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว แล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด

 

 

ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖ มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ย่อมถือเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่า ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินส่วนตัวของนาย ล. การที่จำเลยที่ ๑ กำหนดให้ทรัพย์มรดกพิพาท
เป็นสินสมรสทั้งหมด และใช้วิธีการแบ่งทรัพย์มรดกโดยการจับสลากโดยที่โจทก์ไม่ได้ตกลงยินยอมด้วย เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการแบ่งปันทรัพย์มรดกพิพาท
ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบทรัพย์มรดกพิพาทคืนสู่กองมรดกและแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทให้แก่โจทก์ตามส่วน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์ ส่วนจำเลยทั้งสองให้การว่า ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างนาย ล. กับจำเลยที่ ๒ การแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว
และจำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ คดีนี้แม้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการแบ่งปันทรัพย์มรดก เรียกทรัพย์มรดกคืน และให้แบ่งปันทรัพย์มรดกใหม่ ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๖ แต่เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่า
ทรัพย์มรดกพิพาทเป็นสินส่วนตัวของนาย ล. หรือเป็นสินสมรสระหว่างนาย ล. กับจำเลยที่ ๒ อันจะมีผลถึงการแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทระหว่างทายาทโดยธรรมของนาย ล. คดีนี้จึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาตรา ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว

 

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖7

 

ประกอบ ลีนะเปสนันท์

(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 

อุษา จิวะชาติ - ย่อ

สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ