คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นาง พ. โจทก์
ที่ วยช 41/2567 นาย บ. ในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ด.
กับพวก จำเลย
โจทก์ซึ่งเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนาย ด. ฟ้องขอให้บังคับจําเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ด. ร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินพิพาทและแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับ ทั้งส่วนที่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. และส่วนที่เป็นมรดกของนาย ด. จําเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคําให้การ ส่วนจําเลยที่ ๒ ให้การว่า จําเลยทั้งสองดําเนินการแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่เป็นสินสมรสในส่วนของโจทก์ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว
โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลืออีก เนื่องจากเป็นสินส่วนตัวของนาย ด.
จึงเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท ไม่ใช่สินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. ขอให้ยกฟ้อง
ซึ่งตามคําฟ้องและคําให้การมีประเด็นข้อพิพาทสําคัญที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์กับจําเลยที่ ๒
โต้แย้งกันเสียก่อนว่า ทรัพย์สินพิพาทรายการที่จําเลยที่ ๒ โต้แย้งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์
กับนาย ด. หรือเป็นสินส่วนตัวของนาย ด. อันเป็นคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
ในทางทรัพย์สินที่ต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มาตรา ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว ตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553
มาตรา 10 (3) คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนาย ด. จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๒ ก่อนหน้านี้นาย ด. เคยมีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ๔ คน
และมีบุตรอีกหลายคน ระหว่างสมรสโจทก์กับนาย ด. มีสินสมรสคือที่ดินพิพาท ๑๐ แปลง ได้แก่
ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘, ๔๔๒๗, ๖๒๓๔๘ และ ๒๔๙๘๗ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ
(เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘, ๙, ๖๔๔๕๓, ๖๔๓๗๐ ตำบลบ้านธิ
กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน และที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๘๓๘๕ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ
(เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน ก่อนนาย ด. ถึงแก่ความตาย นาย ด. ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘, ๙, ๖๔๔๕๓, ๔๔๒๗, ๖๒๓๔๘, ๖๔๓๗๐, ๒๔๙๘๗ และ ๕๘๓๘๕ ให้แก่ทายาท
ของนาย ด. เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๕ นาย ด. ถึงแก่ความตาย ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอตั้ง
ผู้จัดการมรดก ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.๔๗๗/๒๕๖๕ ของศาลชั้นต้น ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ด. ร่วมกัน หลังจากนั้นเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๖ โจทก์และจำเลยทั้งสอง ยื่นคำขอรังวัดและแบ่งที่ดินพิพาท ๗ แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘, ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘,
๙, ๖๔๔๕๓, ๔๔๒๗, ๖๒๓๔๘ โดยเป็นการรังวัดแบ่งในฐานะกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และนาย ด. เท่านั้น ที่ดินพิพาททั้ง ๑๐ แปลงดังกล่าวยังไม่ได้แบ่งให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งในส่วนที่เป็นสินสมรสและอีกส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ด. โจทก์มอบหมาย
ให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารสิทธิและแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
ทั้ง ๑๐ แปลง ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. ในส่วนของโจทก์ให้แก่โจทก์ เมื่อถึงกำหนดนัด
โจทก์กับจำเลยทั้งสองและทายาทของนาย ด. ไม่สามารถตกลงกันได้ทำให้โจทก์เสียหายกล่าวคือ
ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘ นาย ด. ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์จึงมีกรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรส และอีกส่วนหนึ่งในฐานะภริยาผู้รับมรดกร่วมกับทายาทคนอื่นของนาย ด. โจทก์จึงมีสิทธิได้รับในส่วนในที่ดินพิพาทแปลงนี้ ๘ ใน ๑๔ ส่วน ส่วนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘, ๙, ๖๔๔๕๓, ๔๔๒๗, ๖๒๓๔๘, ๖๔๓๗๐ และ ๒๔๙๘๗ ต้องแบ่งให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรส
ส่วนอีกกึ่งหนึ่งเป็นมรดกของนาย ด. ซึ่งนาย ด. ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทดังกล่าวให้แก่ทายาท
โดยธรรมแล้วซึ่งต้องจัดการให้เป็นไปตามพินัยกรรม ส่วนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๕๘๓๘๕
โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนาย ด. จึงต้องแบ่งกรรมสิทธิ์กันคนละกึ่งหนึ่ง และส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์
ของนาย ด. เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. จึงต้องแบ่งที่ดินส่วนที่เป็นของนาย ด. ให้โจทก์กึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรส ส่วนที่เหลือเป็นมรดกของนาย ด. ซึ่งนาย ด. ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทดังกล่าวให้แก่ทายาทโดยธรรมแล้วซึ่งต้องจัดการให้เป็นไปตามพินัยกรรม จึงต้องแบ่งที่ดินพิพาทดังกล่าวให้แก่โจทก์
๑ ใน ๔ ส่วน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบต้นฉบับที่ดิน และแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘
ตำบลบ้านธิ กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน พร้อมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์จำนวน ๘ ใน ๑๔ ส่วน และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดิน และแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘, ๔๔๒๗ และ ๖๒๓๔๘ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน
และที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๙, ๖๔๔๕๓ ตำบลบ้านธิ กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน
พร้อมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ให้จำเลยที่ ๒ ส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๓๗๐ ตำบลบ้านธิ กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน และ ๒๔๙๘๗ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ
(เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งที่ดินแปลงดังกล่าว
พร้อมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง และให้จำเลยที่ ๒ ส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดิน
เลขที่ ๕๘๓๘๕ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งที่ดินแปลงดังกล่าว พร้อมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ ๑ ใน ๔ ส่วน หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันกับโจทก์ชำระค่าธรรมเนียม การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อันเกี่ยวเนื่อง
ตามจำนวนและอัตราส่วนที่ตนมีสิทธิได้รับ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยทั้งสองดำเนินการแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทในส่วนที่เป็นสินสมรสของโจทก์ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้วทั้ง ๗ แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘, ๙, ๖๔๔๕๓ ตำบลบ้านธิ กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๕๙๘, ๑๐๐๒๘, ๔๔๒๗ และ ๖๒๓๔๘ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน โดยส่วนที่เป็นสินสมรสของโจทก์แบ่งแยกออก
เป็นโฉนดใหม่มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นสินสมรสในส่วนของนาย ด. ใช้โฉนดที่ดินฉบับเดิมมีชื่อจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ด. ถือกรรมสิทธิ์เพื่อจะนำที่ดินส่วนดังกล่าว
แบ่งให้แก่ทายาทโดยธรรมและทายาทตามพินัยกรรมของนาย ด. ดังนั้นในส่วนที่ดินทั้ง ๗ แปลงดังกล่าว
จึงไม่มีส่วนที่เป็นสินสมรสของโจทก์อันจะต้องแบ่งให้แก่โจทก์อีกต่อไป แต่ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๖๒๐๘๘ นาย ด. ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ จึงเป็นมรดกของนาย ด. ตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม ได้แก่ โจทก์ในฐานะภริยาและทายาทโดยธรรมของนาย ด. ส่วนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๖๔๓๗๐ ตำบลบ้านธิ กิ่งอำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน เป็นสินส่วนตัวของนาย ด. โดยนาย ด. นำเงินส่วนตัวซื้อมาเมื่อวันที่
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ โจทก์จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทแปลงดังกล่าว ส่วนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๕๘๓๘๕ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ (เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน เดิมมีชื่อนาย ด. กับนาง ท. เป็นผู้ถือสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ร่วมกันตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๑๗ ก่อนโจทก์สมรสกับนาย ด.
ต่อมาทางราชการออกเป็นโฉนดที่ดินพิพาทดังกล่าว ที่ดินพิพาทแปลงนี้กึ่งหนึ่ง จึงเป็นสินส่วนตัวนาย ด. โจทก์จึงไม่มีสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๙๘๗ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ
(เมืองลำพูน) จังหวัดลำพูน เป็นสินส่วนตัวของนาย ด. และนาย ด. ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ฉบับลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ยกที่ดินดังกล่าวให้แก่นาง ย. ซึ่งนาง ย. ได้จดทะเบียนรับโอนที่ดิน
ตามข้อกำหนดพินัยกรรมเสร็จสิ้นแล้ว โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ส่วนแบ่งที่ดินพิพาทตามคำฟ้องของโจทก์
ไม่ถูกต้อง จำเลยที่ ๒ มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวไปยังโจทก์นัดหมายเพื่อแบ่งปัน
ทรัพย์มรดกให้ถูกต้องตามสัดส่วนดังกล่าว แต่โจทก์ยังคงยืนยันว่าจะเอาส่วนแบ่งในที่ดินพิพาท
ตามคำฟ้อง จำเลยที่ ๒ จึงไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลจังหวัดลำพูนเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาไว้ชั่วคราวแล้ว เสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ซึ่งพิพาทกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔
และในบรรพ ๖ มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วย
การจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัวย่อมถือเป็นคดีครอบครัว
ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนาย ด. ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสอง
ในฐานะผู้จัดการมรดกของนาย ด. ร่วมกันส่งมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินพิพาทและแบ่งกรรมสิทธิ์
ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับ ทั้งส่วนที่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. และส่วนที่เป็นมรดกของนาย ด. จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การว่า
จำเลยทั้งสองดำเนินการแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่เป็นสินสมรสในส่วนของโจทก์ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลืออีก เนื่องจากเป็นสินส่วนตัวของนาย ด. จึงเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท ไม่ใช่สินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. ขอให้ยกฟ้อง
ซึ่งตามคำฟ้องและคำให้การมีประเด็นข้อพิพาทสำคัญที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์กับจำเลยที่ ๒
โต้แย้งกันเสียก่อนว่า ทรัพย์สินพิพาทรายการที่จำเลยที่ ๒ โต้แย้งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนาย ด. หรือเป็นสินส่วนตัวของนาย ด. อันเป็นคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สิน
ที่ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ มาตรา ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ จึงเป็น
คดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
ประกอบ ลีนะเปสนันท์
(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)
ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
อุษา จิวะชาติ - ย่อ
สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ