คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 3469/2566 นายณัฐวุฒิ  แต้มทอง                         โจทก์

                                                                      บริษัทซิโนไฮโดร (ไทยแลนด์) จำกัด    จำเลย

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๙

         โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยกนี้เป็นงานที่จำเลยรับจ้างมาดำเนินการโดยมอบหมายให้
Mr. X เป็นผู้ดูแลบริหารงานเพื่อให้การก่อสร้างสะพานดังกล่าวแล้วเสร็จไปตามสัญญา ดังนั้น Mr. X ถือว่าเป็นผู้แทนของจำเลยในงานก่อสร้างโครงการนี้ จึงมีอำนาจบังคับบัญชาและสั่งการลูกจ้างของจำเลย
ในโครงการทุกคนรวมถึงตัวโจทก์ด้วยเพื่อให้การก่อสร้างสะพานข้ามแยกสำเร็จไปตามสัญญา

         การพิจารณากรณีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น ศาลจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุแห่งการเลิกจ้างอันแท้จริงของจำเลยว่ามีเหตุอันสมควรและเพียงพอหรือไม่ ประกอบกันหลายประการ อาทิ ลักษณะและพฤติการณ์การกระทำของโจทก์ตลอดจนผลเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของโจทก์ว่ามีมากน้อยเพียงใด ข้อความที่โจทก์ส่งถึง Mr. X โดยตรงในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มว่า “เจอกันหน่อยไหมตัวต่อตัวกับลูกผู้ชาย ใครเจ็บอย่าวิ่งร้องไปหาแม่” ซึ่งมีลักษณะเป็นการไม่เคารพยำเกรง ท้า Mr. X มาชกต่อย
เป็นการแสดงออกในทางกระด้างกระเดื่องอันเป็นพฤติการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้บังคับบัญชา
ทั้งผู้บริหารของจำเลย พนักงานและลูกจ้างของจำเลยในกลุ่มดังกล่าวสามารถเห็นข้อความของโจทก์
ที่แสดงออก อันเป็นการลดทอนอำนาจของผู้บังคับบัญชา ซึ่งทำให้การบริหารงานบุคคลรวมถึง
การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยผ่าน Mr. X อาจสั่นคลอนอันกระทบต่อการทำงานของจำเลยต่อไปได้
จำเลยมีเหตุอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ กรณีมิใช่เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม

______________________________

 

         โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหาย 317,960 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

            ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหาย 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563) เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ
5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่โจทก์ขอ

         จำเลยอุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลย ตำแหน่งสุดท้ายเป็นโฟร์แมน ประจำโครงการสะพานข้ามแยก ณ ระนอง มีระยะเวลาสัญญาจ้าง 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่
1 พฤศจิกายน 2564 ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 25,800 บาท กำหนดจ่ายทุกวันสิ้นเดือน
ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม 2563 จำเลยมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ ทำให้โจทก์ทำงานไม่ครบตามระยะเวลาการทำงาน
ที่เหลืออยู่ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 รวม 1 ปี 11 วัน จำเลย
จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์แล้ว แล้ววินิจฉัยว่า ก่อนที่โจทก์จะเขียนข้อความลงไปในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่ม จำเลยมีงานโครงการก่อสร้างสะพานที่เกิดความล่าช้า นายหวัง
ซึ่งดูแลโครงการอยู่ที่พื้นที่ทำงานได้พูดเร่งงานกับโจทก์ หลังจากนั้นโจทก์ได้เขียนข้อความลงไปในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเป็นการตัดพ้อต่อว่าหรือแสดงความไม่พอใจในการทำงาน แต่ไม่ถึงกับมีลักษณะเป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้ใด แม้จะมีข้อความในลักษณะเป็นการท้าชกต่อยกับ Mr. Xu ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคารพหรือแสดงความกระด้างกระเดื่องก็ตาม แต่ Mr. Xu มีตำแหน่งเป็นเพียงหัวหน้าโจทก์ ไม่ใช่ผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาซึ่งมีลักษณะเป็นนายจ้าง จึงไม่ถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำต่อนายจ้างอันจะถือว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง และตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย
ก็ไม่ได้ระบุว่าการกระทำดังกล่าวของโจทก์จะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงที่จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องตักเตือนก่อน การเลิกจ้างโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุผลอันสมควรเพียงพอจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

         คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่และโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเสียหายหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า การที่โจทก์เขียนข้อความส่งเข้าไป
ในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มไลน์ที่ใช้ในการสั่งงานระหว่างจำเลยกับลูกจ้างรวมทั้งโจทก์
มีสมาชิกในกลุ่มทั้งผู้บริหารระดับกรรมการ Mr. Xu หรือ Topping Xu ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์
วิศวกร โฟร์แมน คนขับรถเครน และพนักงานรวม ๖๐ คน โดยใช้ข้อความว่า “เจอกันหน่อยไหมตัวต่อตัวกับลูกผู้ชาย ใครเจ็บอย่าวิ่งร้องไปหาแม่” เป็นการท้าชกต่อยกับ Mr. Xu หรือ Topping Xu ซึ่งเป็นผู้บริหาร
คนหนึ่งของจำเลย มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการโครงการและยังเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์โดยตรง ได้รับมอบหมาย
ให้ทำงานแทนจำเลย มีอำนาจหน้าที่สั่งงานโจทก์รวมทั้งควบคุมดูแลโครงการที่ได้รับมอบหมาย ถือว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน คำสั่งของจำเลยอย่างเคร่งครัด และประพฤติตน
ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง ที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นสมควรวินิจฉัยสถานะและความสัมพันธ์ของ Mr. Xu กับโจทก์ในเบื้องต้นเสียก่อน คดีนี้ข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลาง ปรากฏว่า จำเลย
มีงานโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง โดยมี Mr. Xu เป็นผู้จัดการโครงการ แสดงว่าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยกนี้เป็นงานที่จำเลยรับจ้างมาดำเนินการโดยมอบหมายให้ Mr. Xu เป็นผู้ดูแลบริหารงานเพื่อให้การก่อสร้างสะพานดังกล่าวแล้วเสร็จไปตามสัญญา ดังนั้น Mr. Xu ถือว่าเป็นผู้แทน
ของจำเลยในงานก่อสร้างโครงการนี้ จึงมีอำนาจบังคับบัญชาและสั่งการลูกจ้างของจำเลยในโครงการทุกคนรวมถึงตัวโจทก์ด้วยเพื่อให้การก่อสร้างสะพานข้ามแยกสำเร็จไปตามสัญญา ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า Mr. Xu เป็นเพียงหัวหน้าของโจทก์ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของโจทก์นั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่เห็นพ้องด้วย ในส่วนการพิจารณากรณีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น ศาลจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุแห่งการเลิกจ้างอันแท้จริงของจำเลยว่ามีเหตุอันสมควรและเพียงพอหรือไม่ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน
และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 โดยพิจารณาพฤติการณ์การกระทำของโจทก์ว่า
เป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ และพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกันหลายประการ อาทิ ลักษณะและพฤติการณ์
การกระทำของโจทก์ตลอดจนผลเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของโจทก์ว่ามีมากน้อยเพียงใด ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ลงข้อความในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มของโครงการพื้นที่ปฏิบัติงานตามสำเนา
บทสนทนาแอปพลิเคชันไลน์ แม้ข้อความของโจทก์เริ่มต้นด้วยลักษณะที่โจทก์ตัดพ้อต่อว่าหรือแสดงความไม่พอใจ
ในการทำงานตามที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมาก็ตาม แต่ข้อความที่โจทก์ส่งถึง Mr. Xu โดยตรง
ในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มดังกล่าวว่า “เจอกันหน่อยไหมตัวต่อตัวกับลูกผู้ชาย ใครเจ็บอย่าวิ่งร้องไปหาแม่” ซึ่งมีลักษณะเป็นการไม่เคารพยำเกรง Mr. Xu ถึงกับท้า Mr. Xu มาชกต่อย เป็นการแสดงออกในทางกระด้างกระเดื่องอันเป็นพฤติการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้บังคับบัญชา เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในห้องสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่ม มีทั้งผู้บริหารของจำเลย พนักงาน และลูกจ้างของจำเลยอยู่ประมาณ 60 คน
ซึ่งสมาชิกในกลุ่มดังกล่าวสามารถเห็นข้อความของโจทก์ที่แสดงออกทำนองเป็นปฏิปักษ์ต่อ Mr. Xu ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานและลูกจ้างของจำเลยในโครงการทุกคน ข้อความดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์
ในการบริหารงานของ Mr. Xu ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและยังเป็นผู้แทนของจำเลยในโครงการดังกล่าว อันเป็นการลดทอนอำนาจของผู้บังคับบัญชา ซึ่งทำให้การบริหารงานบุคคลรวมถึงการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา
ของจำเลยผ่าน Mr. Xu อาจสั่นคลอนอันกระทบต่อการทำงานของจำเลยต่อไปได้ การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงตามสำเนาหนังสือสัญญาจ้าง ข้อ 11.7 ที่จำเลย
มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้ทันที เมื่อไม่ปรากฏว่าการเลิกจ้างโจทก์เป็นไปโดยมีเจตนากลั่นแกล้ง ถือว่าจำเลย
มีเหตุอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ กรณีมิใช่เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น

         พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

(นาวี  สกุลวงศ์ธนา – สิทธิชัย ลีลาโสภิต – ภูมิวุฒิ พุทธสุอัตตา)

พรรณทิพย์  วัฒนกิจการ - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ