คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 454/2565  นายสุวัฒน์ กุลไพจิตร                       โจทก์

                                                                   บริษัทเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 

                                                                   กับพวก                                        จำเลย

ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา ๓๑ 

         คดีตามคำฟ้องโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้าง
ที่ไม่เป็นธรรม อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานและตามกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองแรงงาน ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในส่วนที่ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าเสียหายต่อชื่อเสียง โดยอ้างว่าการที่โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปและจำเลยที่ ๒ ซึ่งประกอบกิจการ
ทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เป็นกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยที่ ๑  และที่ ๒ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง จึงให้โจทก์ชำระค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดเกี่ยวกับการทำงานซึ่งมิได้อาศัยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานหรือกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานตามคำฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ ฟ้องแย้งข้อนี้จึงเป็นคนละมูลหนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งข้อเท็จจริงตลอดจนพยานหลักฐานที่จะนำสืบเป็นคนละประเด็นแตกต่างกัน ฟ้องแย้งข้อนี้จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม  ไม่อาจรับไว้พิจารณากับคำฟ้องเดิมได้

______________________________

         คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันหรือแทนกันจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจาก
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันจ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ
ในส่วนของนายจ้างจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน
แต่ละจำนวนจนกว่าจะชำระเสร็จ

         จำเลยทั้งสามให้การและจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ชำระค่าเสียหายกรณีซื้อทรัพย์สินในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลยที่ ๒ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายจากการเปิดร้านอาหารเดอะคอฟฟี่คลับขัดกับหลักการประกอบธุรกิจ ๑๑๑,๐๙๕,๓๔๐ บาท ให้แก่ จำเลยที่ ๒ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหาย ต่อชื่อเสียง ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

         ศาลแรงงานกลางสั่งคำให้การจำเลยทั้งสามและฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ว่ารับคำให้การของจำเลยที่ ๓ (ที่ถูก จำเลยทั้งสาม) และฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ข้อ ๙.๑ และข้อ ๙.๒
ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ข้อ ๙.๓ ที่ขอให้โจทก์รับผิดค่าเสียหายต่อชื่อเสียงนั้น ไม่เกี่ยวด้วยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงาน เป็นการฟ้องแย้งคนละประเด็น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในส่วนนี้

         จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่ง

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์
ของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ข้อ ๙.๓ ที่ขอให้โจทก์รับผิดค่าเสียหาย
ต่อชื่อเสียงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมหรือไม่ เห็นว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงาน
และตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ข้อ ๙.๓ ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าเสียหายต่อชื่อเสียง โดยอ้างว่าการที่โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปและจำเลยที่ ๒  ซึ่งประกอบกิจการทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง จึงให้โจทก์ชำระค่าเสียหายส่วนนี้นั้น เป็นคดีอันเกิด
แต่มูลละเมิดเกี่ยวกับการทำงานซึ่งมิได้อาศัยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานหรือกฎหมายเกี่ยวกับ
การคุ้มครองแรงงานตามคำฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ ฟ้องแย้งข้อนี้จึงเป็นคนละมูลหนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งข้อเท็จจริงตลอดจนพยานหลักฐานที่จะนำสืบเป็นคนละประเด็นแตกต่างกัน ฟ้องแย้งข้อนี้จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่อาจรับไว้พิจารณากับคำฟ้องเดิมของโจทก์ได้ ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ข้อ ๙.๓ นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน.

(สิริพร เปรมาสวัสดิ์ สุรมณี – ธีระพล ศรีอุดมขจร – อนุวัตร ขุนทอง)

กิตติ  เนตรประเสริฐชัย - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ