คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 2221-2234   นางช่อทิพย์  ขุนศรี กับพวก         โจทก์

                                                /2560                บริษัทโกลบอล อาร์คิเทคเชอรัล

                                                                         จำกัด                                  จำเลย

 

ป.พ.พ. มาตรา 150, 850

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118

 

        โจทก์ทั้งสิบสี่และจำเลยได้จัดทำข้อตกลงเลิกจ้างและสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์ทั้งสิบสี่ทราบเรื่องการเลิกจ้างและตกลงยินยอมรับเงินตามจำนวนที่ตกลงกันของโจทก์แต่ละคน ทั้งยังได้สละสิทธิเรียกร้องไม่ดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ ต่อจำเลยอีก เมื่อโจทก์ทั้งสิบสี่สมัครใจทำข้อตกลงดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกขู่บังคับหรือขู่เข็ญ ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ทั้งสิบสี่กับจำเลยอันมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ได้ขัดต่อ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ทั้งสิบสี่จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยจากจำเลยอีก

_______________________________

 

          คดีทั้งสิบสี่สำนวนนี้ ศาลแรงงานภาค ๒ มีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๔ และเรียกจำเลยทุกสำนวนว่าจำเลย

            โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน ๑๐๓,๑๘๒.๕๐ บาท โจทก์ที่ ๒ จำนวน ๙๑,๑๗๖ บาท โจทก์ที่ ๓ จำนวน ๑๔๘,๖๐๐ บาท โจทก์ที่ ๔ จำนวน ๕๙,๘๕๖ บาท โจทก์ที่ ๕ จำนวน ๓๓,๐๔๐ บาท โจทก์ที่ ๖ จำนวน ๓๗,๗๒๘ บาท โจทก์ที่ ๗ จำนวน ๓๖,๑๕๖ บาท โจทก์ที่ ๘ จำนวน ๑๙,๖๕๐ บาท โจทก์ที่ ๙ จำนวน ๑๒,๐๖๐ บาท โจทก์ที่ ๑๐ จำนวน ๕๔,๐๖๔.๐๒ บาท โจทก์ที่ ๑๑ จำนวน ๖๒,๘๒๗ บาท โจทก์ที่ ๑๒ จำนวน ๗๖,๑๑๒ บาท โจทก์ที่ ๑๓ จำนวน ๔๘,๕๘๕.๕๐ บาท โจทก์ที่ ๑๔ จำนวน ๔๑,๘๐๗.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสิบสี่

          จำเลยทั้งสิบสี่สำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง

          ศาลแรงงานภาค ๒ พิพากษายกฟ้อง

          โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานภาค ๒ ฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสิบสี่ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยไม่ยอมย้ายไปทำงานที่โรงงานอีกแห่งหนึ่ง หรือ จีเอที ๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของจำเลย จึงมีการเจรจาทำข้อตกลงเลิกจ้างและสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยจ่ายค่าจ้าง ค่าจ้างสำหรับวันหยุดที่ไม่ได้ใช้ ค่าชดเชย และเงินที่ตกลงประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์ทั้งสิบสี่ ตามข้อตกลงเลิกจ้างและสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งโจทก์ทั้งสิบสี่ลงลายมือชื่อและรับเงินไปครบถ้วนแล้ว โดยก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ทั้งสิบสี่กับจำเลยมีการเจรจาตกลงสรุปจำนวนเงินให้โจทก์ทั้งสิบสี่รับทราบ โจทก์ทั้งสิบสี่รับทราบการเลิกจ้างเป็นหนังสือและยังรับทราบว่าจำเลยตกลงจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสิบสี่ แม้ในขณะนั้นโจทก์ทั้งสิบสี่ยังเป็นลูกจ้างของจำเลยอยู่ก็ตาม แต่โจทก์ทั้งสิบสี่มีอิสระที่จะตัดสินใจได้โดยไม่อยู่ในภาวะที่จะต้องเกรงกลัวจำเลยหรือถูกบังคับให้รับเงินต่าง ๆ ตามที่จำเลยเสนอให้ หรือโจทก์ทั้งสิบสี่สามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าจะตกลงยอมรับเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ตกลงยอมรับแล้วไปใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องเงินค่าจ้างและเงินอื่น ๆ ที่โจทก์ทั้งสิบสี่มีสิทธิที่จะได้รับตามกฎหมายจากจำเลยในภายหลัง

            คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบสี่ว่า ข้อตกลงเลิกจ้างและสัญญาประนีประนอมยอมความ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โจทก์ทั้งสิบสี่กับจำเลยได้ทำข้อตกลงกันโดยที่โจทก์ทั้งสิบสี่ได้ทราบเรื่องการเลิกจ้างแล้วและตกลงยินยอมรับเงินตามจำนวนที่ตกลงกันของโจทก์แต่ละคน ทั้งยังได้สละสิทธิเรียกร้องไม่ดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ ต่อจำเลยอีก เมื่อโจทก์ทั้งสิบสี่สมัครใจทำข้อตกลงดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกขู่บังคับหรือขู่เข็ญ ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ทั้งสิบสี่กับจำเลยอันมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว หาได้ขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่ ที่ศาลแรงงานภาค ๒ พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบสี่ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน.

 

(อนุวัตร  ขุนทอง - ธีระพล  ศรีอุดมขจร - กนกรดา  ไกรวิชญพงศ์)

 

อิศเรศ  ปราโมช  ณ  อยุธยา - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ