อุทธรณ์ที่ตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย
หมายเลขคดีดำที่ ร.370 - 373/2560 นายพิชิต คำโคตรสูนย์ กับพวก โจทก์
หมายเลขคดีแดงที่ 766 - 769/2560 บริษัทฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย)
จำกัด (มหาชน) จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
คดีก่อนโจทก์ทั้งสี่ฟ้องเรียกเงินบำเหน็จจากจำเลย ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลยที่กำหนดให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานหรือเงินบำเหน็จเพียงอย่างเดียวแล้วแต่เงินประเภทไหนสูงกว่า และให้ถือว่าเงินบำเหน็จเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานนั้น มีวัตถุประสงค์ หลักเกณฑ์ และวิธีการแตกต่างจากการจ่ายค่าชดเชยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เงินบำเหน็จจึงถือเป็นเงินประเภทอื่น ระเบียบดังกล่าวไม่สามารถบังคับได้ โดยพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ เนื่องจากโจทก์ทั้งสี่ได้รับเงินบำเหน็จไปแล้ว แม้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทั้งสี่ฟ้องเรียกค่าชดเชยซึ่งเป็นเงินคนละประเภทกับเงินบำเหน็จที่โจทก์ทั้งสี่ได้รับไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์ทั้งสี่จะมีสิทธิได้รับทั้งเงินบำเหน็จและค่าชดเชย หรือได้รับเฉพาะเงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยที่มีจำนวนสูงกว่าแล้วแต่กรณี คงต้องพิจารณาจากกฎและข้อบังคับการทำงานและระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลยประกอบกันเช่นเดียวกับที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยไว้ในคดีก่อน เมื่อคดีก่อนจำเลยยังคงติดใจยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า เงินบำเหน็จไม่ใช่เงินประเภทอื่น แต่ถือเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย การจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการจ่ายเงินตามกฎและข้อบังคับการทำงานและระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลยและเป็นการจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แล้ว แม้โจทก์ทั้งสี่จะไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ก็ถือว่าคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้ใหม่จึงเป็นฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์ทั้งสี่จึงเป็นฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
______________________________
คดีทั้งสี่สำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และเรียกจำเลยทั้งสี่สำนวนว่าจำเลย
โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้งสี่ พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
จำเลยทั้งสี่สำนวนให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสี่กับลูกจ้างรายอื่นอีก 9 คน เคยฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ สป.30 - 42/2558 เพื่อเรียกเงินบำเหน็จตามระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงาน ค่าชดเชยพิเศษ และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งคดีดังกล่าวศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในส่วนของเงินบำเหน็จว่า ระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลย ที่กำหนดว่าจำเลยจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานหรือเงินบำเหน็จเพียงอย่างเดียวซึ่งแล้วแต่เงินประเภทไหนจะสูงกว่ากันและให้ถือว่าเงินบำเหน็จเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานด้วยนั้น มีวัตถุประสงค์หลักเกณฑ์และวิธีการแตกต่างจากการจ่ายค่าชดเชยที่กำหนดไว้ในกฎและข้อบังคับการทำงานของจำเลย ทั้งยังแตกต่างจากการจ่ายค่าชดเชยที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เงินบำเหน็จจึงเป็นเงินประเภทอื่นต่างหากจากค่าชดเชย ดังนั้น การกำหนดระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลยเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยที่ผิดไปจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงมิอาจบังคับได้ และพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ เพราะโจทก์ทั้งสี่ได้รับเงินบำเหน็จไปแล้ว ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางดังกล่าวต่อศาลฎีกา การที่โจทก์ทั้งสี่มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อันเป็นมูลคดีเดียวกันในขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จึงเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามกฎหมาย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่สำนวนว่า ฟ้องโจทก์ทั้งสี่คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขดำที่ สป.30 - 42/2558 ของศาลแรงงานกลางหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์ทั้งสี่จะกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ฟ้องเรียกค่าชดเชยซึ่งเป็นเงินคนละประเภทกับเงินบำเหน็จที่โจทก์ทั้งสี่ได้รับไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์ทั้งสี่จะมีสิทธิได้รับทั้งเงินบำเหน็จและค่าชดเชย หรือได้รับเฉพาะเงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยที่มีจำนวนสูงกว่าแล้วแต่กรณีอย่างไร คงต้องพิจารณาจากกฎและข้อบังคับการทำงานและระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงานของจำเลยประกอบกันเช่นเดียวกับที่ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยไว้ในคดีหมายเลขดำที่ สป.30 - 42/2558 เมื่อคดีดังกล่าวจำเลยยังคงติดใจยื่นอุทธรณ์คัดค้าน คำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า เงินบำเหน็จที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ไม่ใช่เงินประเภทอื่น แต่ถือเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย การจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการจ่ายเงินตามกฎและข้อบังคับการทำงานและระเบียบว่าด้วยสวัสดิการพนักงาน อีกทั้งเป็นการจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แล้ว แม้โจทก์ทั้งสี่จะไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ก็ถือว่าคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้ใหม่จึงเป็นฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีหมายเลขดำที่ สป.30 - 42/2558 ของศาลแรงงานกลาง ฟ้องโจทก์ทั้งสี่จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 วรรคสอง (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 3 ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
(วิชชุพล สุขสวัสดิ์ - สุจินต์ เชี่ยวชาญศิลป์ - เกื้อ วุฒิปวัฒน์)
ศาลแรงงานกลาง นายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร
นายอิศเรศ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ช่วยฯ/ย่อสั้น
นายสุโรจน์ จันทรพิทักษ์ ผู้พิพากษาฯ ประจำกองผู้ช่วยฯ/ตรวจย่อสั้น/ตรวจย่อยาว
นางสาวนิติรัตน์ ศิระภัสร์บารมี นิติกร/ย่อยาว
นางสาวมนัสนันท์ อิ่มใจ พิมพ์