คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 205 - 218      นายวิญญู  อินเปี่ยม

                                                   /2560            กับพวก                                 โจทก์

                                                                         การรถไฟแห่งประเทศไทย

                                                                         กับพวก                                จำเลย

 

ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (9), 575

 

          คดีนี้แม้โจทก์ทั้งสิบสี่จะบรรยายในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษการทำงานเกินกำหนดเวลาทำงานปกติตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดทำให้ได้รับความเสียหาย แต่ก็ระบุรายละเอียดว่าจำนวนเงินที่เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนการทำงานเกินเวลาทำงานปกติที่ยังจ่ายไม่ครบถ้วนถูกต้อง อันเป็นการเรียกร้องเอาค่าตอบแทนพิเศษในส่วนที่ขาดที่โจทก์ทั้งสิบสี่มีสิทธิได้รับจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างอันเนื่องมาจากการทำงานเกินเวลาทำงานปกติ ซึ่งไม่ว่าจะเรียกค่าตอบแทนดังกล่าวว่าอย่างไรก็ถือเป็น “สินจ้าง” ตามความใน ป.พ.พ. มาตรา 575 โจทก์ทั้งสิบสี่หาได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายตามที่กล่าวอ้างในอุทธรณ์ไม่ เมื่อโจทก์ทั้งสิบสี่เรียกร้องให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษที่ยังขาดอยู่ให้ถูกต้อง จึงถือเป็นกรณีที่ลูกจ้างเรียกเอาค่าจ้างหรือสินจ้างจากนายจ้างซึ่งมีอายุความสองปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (9) มิใช่อายุความสิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 เมื่อสิทธิเรียกร้องในค่าตอบแทนพิเศษของโจทก์ทั้งสิบสี่ตามฟ้องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนกันยายน 2556 แต่โจทก์ทั้งสิบสี่เพิ่งมาฟ้องเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 คดีโจทก์ทั้งสิบสี่จึงขาดอายุความ

______________________________

 

          รายชื่อโจทก์ปรากฏตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 1

          คดีทั้งสิบสี่สำนวนนี้ศาลแรงงานภาค 1 สั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยเรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 14 และเรียกจำเลยทุกสำนวนว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2

          โจทก์ทั้งสิบสี่สำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มพร้อมดอกเบี้ยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละคน

          จำเลยทั้งสองทุกสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง

          ระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า คดีโจทก์ทั้งสิบสี่ขาดอายุความหรือไม่

          ศาลแรงงานภาค 1 วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ทั้งสิบสี่ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

          โจทก์ทั้งสิบสี่อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันได้ความว่า โจทก์ทั้งสิบสี่เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานในขบวนการจัดงานรถไฟ อำนวยความสะดวกแก่การเดินรถไฟ ในช่วงเวลาที่ระบุไว้ตามฟ้องของโจทก์แต่ละคน โจทก์ทั้งสิบสี่ทำงานให้จำเลยที่ 1 เกินกำหนดเวลาทำงานปกติ แต่จำเลยที่ 1 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษสำหรับการทำงานเกินกำหนดเวลาทำงานปกติตามฟ้องของโจทก์แต่ละคนซึ่งอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนกันยายน 2556 ให้แก่โจทก์ทั้งสิบสี่ ตามระเบียบการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษการทำงานเกินกำหนดเวลาทำงานปกติ อันเป็นค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบสี่ว่า คดีโจทก์ทั้งสิบสี่ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ทั้งสิบสี่อุทธรณ์อ้างว่า การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของจำเลยที่ 1 ตามระเบียบการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษการทำงานเกินกำหนดเวลาทำงานปกติ เป็นระเบียบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวของจำเลยที่ 1 แก่โจทก์ทั้งสิบสี่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์ทั้งสิบสี่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียหายที่โจทก์ทั้งสิบสี่เรียกร้อง ไม่ใช่ค่าตอบแทนในลักษณะทั่วไปและไม่ใช่ค่าจ้างค้างจ่าย ซึ่งไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดกำหนดอายุความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ จึงมีอายุความสิบปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 คดีโจทก์ทั้งสิบสี่ไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า แม้โจทก์ทั้งสิบสี่จะบรรยายในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษการทำงานเกินเวลาทำงานปกติตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดทำให้ได้รับความเสียหาย แต่ก็ระบุรายละเอียดว่า จำนวนเงินที่เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนการทำงานเกินเวลาทำงานปกติที่ยังจ่ายไม่ครบถ้วนถูกต้อง อันเป็นการเรียกร้องเอาค่าตอบแทนพิเศษในส่วนที่ขาดที่โจทก์ทั้งสิบสี่มีสิทธิได้รับจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างอันเนื่องมาจากการทำงานเกินเวลาทำงานปกติ ซึ่งไม่ว่าจะเรียกค่าตอบแทนดังกล่าวว่าอย่างไรก็ถือเป็น “สินจ้าง” ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โจทก์ทั้งสิบสี่หาได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายตามที่กล่าวอ้างในอุทธรณ์ไม่ เมื่อโจทก์ทั้งสิบสี่เรียกร้องให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าตอบแทนพิเศษที่ยังขาดอยู่ให้ถูกต้อง จึงถือว่าเป็นกรณีที่ลูกจ้างเรียกเอาค่าจ้างหรือสินจ้างจากนายจ้างซึ่งมีอายุความสองปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (9) มิใช่อายุความสิบปีดังที่โจทก์ทั้งสิบสี่อ้างในอุทธรณ์ เมื่อสิทธิเรียกร้องในค่าตอบแทนพิเศษของโจทก์ทั้งสิบสี่ตามฟ้องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนกันยายน 2556 แต่โจทก์ทั้งสิบสี่เพิ่งมาฟ้องเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 คดีโจทก์ทั้งสิบสี่จึงขาดอายุความ ที่ศาลแรงงานภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้วศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบสี่ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน.

 

(พิเชฏฐ์  รื่นเจริญ - สุพัฒน์  พงษ์ทัดศิริกุล - ศราวุธ  ภาณุธรรมชัย)

 

พรรณทิพย์  วัฒนกิจการ - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ