คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 16/2560    การประปาส่วนภูมิภาค                    โจทก์

                                                                   นางสุดา มีสีผ่อง กับพวก                จำเลย

ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕), ๒๒๕ วรรคหนึ่ง

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑

         แม้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่เป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้าง
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ก็ตามแต่ข้อกฎหมายดังกล่าวจะต้องได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ คดีนี้จำเลยที่ ๒ ให้การเพียงว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องเรียกเงินคืนจากตัวแทนเก็บเงิน 2 คน ซึ่งศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำพิพากษาให้ชดใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมูลหนี้ตามฟ้องระงับไปแล้ว และโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ทั้งเมื่อศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยมิได้มีประเด็นทั้งสองข้อตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ก็หาได้โต้แย้งไว้ว่าศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นผิดพลาดคลาดเคลื่อนแต่อย่างใด อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น ถือได้ว่า เป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้ว
โดยชอบในศาลแรงงานกลาง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ไม่รับวินิจฉัย

         จำเลยที่ ๒ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในตำแหน่งพนักงานการเงินและบัญชี
ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินที่จ่ายและรับคืน รับคืนใบเสร็จรับเงินจากตัวแทน
เก็บเงินโดยไม่ได้ตรวจสอบกับทะเบียนคุมการเงิน เป็นเหตุให้ตัวแทนยักยอกเงินค่าน้ำประปาไป
การกระทำของจำเลยที่ ๒ เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวว่าไม่ถูกต้องอย่างไร คงยกเอาข้อเท็จจริง
ที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่า จำเลยที่ ๒ เคยทำหนังสือถึงผู้จัดการสำนักงานประปาอ้อมน้อย ในระหว่าง
เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ให้ระงับการจ่ายใบเรียกเก็บเงินค่าน้ำแก่ตัวแทนขึ้นเป็นอุทธรณ์ ทั้ง ๆ ที่
ศาลแรงงานกลางก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วด้วยว่า เป็นการกระทำหลังจากที่จำเลยที่ ๒ ปล่อยปละละเลย
ไม่ตรวจสอบการจ่ายและรับคืนใบเสร็จค่าน้ำ อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ข้อนี้ จึงไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ เช่นกัน ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

_____________________________

         โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหาย ๑,๓๒๕,๓๔๔.๓๕ บาท และ ๑,๓๐๖,๐๐๑.๐๒ บาท ตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๐9๕,๕๑๑.๙๕ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยที่ ๑ ขาดนัด

         จำเลยที่ ๒ ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง

         ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑,๐๙๕,๕๑๑.๙๕ บาท
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗. ๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
แก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕0 ต้องไม่เกิน ๒๒๙,๘๓๒.๔o บาท และให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ ๒

         โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

         ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ ๒
ให้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำและความรับผิดของจำเลยที่ ๒
ว่าจะต้องรับผิดตามฟ้องต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด แล้วพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

         ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๑,๓๐๖.๐๐๑.๐๒ บาท พร้อมดอกเบี้ย
อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๐๙๕,๕๑๑.๙๕ บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕o) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในข้อ ๒.๑ ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในมูลหนี้ละเมิดและผิดสัญญาจ้างแรงงาน
ตามฟ้องระงับไปแล้ว โดยโจทก์ได้ให้นายศรัณย์ และนายประมวล ตัวแทนเก็บเงิน ค่าน้ำประปาของโจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้อันเกิดจากการเก็บเงินค่าน้ำประปาและยักยอกเงินดังกล่าวไป โดยนายศรัณย์และนายประมวลยอมชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ ๗๓๕.๕๓๙.๒๓ บาท และ ๒,๓๑๒,0๓๒.๕0 บาท ตามลำดับ มีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับไปตามกฎหมาย และที่จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในข้อ ๒.๒ ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้
โดยไม่สุจริต เพราะเป็นการเอามูลหนี้อย่างเดียวกันเกิดขึ้นในคราวเดียวกันมาฟ้องจำเลยที่ ๒ ทั้ง ๆ ที่โจทก็ได้ยื่นฟ้องเรียกเงินค่าน้ำประปาที่ยักยอกไปคืนจากนายศรัณย์และนายประมวลไปก่อนหน้าคดีนี้แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จำเลยที่ ๒ สามารถหยิบยกขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ได้นั้น เห็นว่า แม้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจะเป็นข้อกฎหมาย
อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่เป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้
โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ก็ตาม แต่ข้อกฎหมายดังกล่าวจะต้องได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ คดีนี้จำเลยที่ ๒ ให้การเพียงว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องเรียกเงินคืนจากตัวแทนเก็บเงิน ๒ คน ซึ่งศาลจังหวัดสมุทรสาคร
มีคำพิพากษาให้ชดใช้เงินแก่โจทก์ ๒,๗๐๐,0๐๐ บาท และ ๗๓0,000 บาท ตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ๔๔๑/๒๕๕๐ และที่ ๘๔๗/๒๕๕0 ของศาลจังหวัดสมุทรสาคร โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก็ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมูลหนี้ตามฟ้องระงับไปแล้ว และโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ทั้งเมื่อศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยมิได้มีประเด็นทั้งสองข้อตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ก็หาได้โต้แย้งไว้ว่าศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นผิดพลาดคลาดเคลื่อน
แต่อย่างใด อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น ถือได้ว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลแรงงานกลางไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๓๑ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

         ส่วนที่จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในข้อ ๓ ว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงยุติว่า จำเลยที่ ๒ เคยทำหนังสือถึงผู้จัดการสำนักงานประปาอ้อมน้อย ในระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๔๖ ให้ระงับการจ่าย
ใบเรียกเก็บเงินค่าน้ำประปาแก่ตัวแทนแล้ว จำเลยที่ ๒ จึงไม่มีอำนาจในการระงับการจ่ายใบเรียกเก็บเงินค่าน้ำประปาเอง ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิใช่ความผิดของจำเลยที่ ๒ นั้น เห็นว่า
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในตำแหน่งพนักงานการเงินและบัญชี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินที่จ่ายและรับคืน รับคืนใบเสร็จรับเงินจากตัวแทนเก็บเงิน
โดยไม่ได้ตรวจสอบกับทะเบียนคุมการเงิน เป็นเหตุให้ตัวแทนยักยอกเงิน ค่าน้ำประปาไป การกระทำ
ของจำเลยที่ ๒ เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๒
มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวว่าไม่ถูกต้องอย่างไร คงยกเอาข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ ๒
อ้างว่า จำเลยที่ 2 เคยทำหนังสือถึงผู้จัดการสำนักงานประปาอ้อมน้อย ในระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๔6
ให้ระงับการจ่ายใบเรียกเก็บเงินค่าน้ำแก่ตัวแทนขึ้นเป็นอุทธรณ์ ทั้ง ๆ ที่ศาลแรงงานกลางก็ได้วินิจฉัย
ไว้แล้วด้วยว่า เป็นการกระทำหลังจากที่จำเลยที่ 2 ปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบการจ่ายและรับคืนใบเสร็จค่าน้ำ อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๓๑ เช่นกัน ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

         พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒

(ดำรง  ทรัพยผล – อนันต์  คงบริรักษ์ – สุวรรณา  แก้วบุตตา)

วรวรรณ  พงศ์ตระกูลนนท์ - ย่อ

อิศเรศ  ปราโมช ณ อยุธยา - ตรวจ