คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2568 นาย ว. โจทก์
นาย ศ. ในฐานะพนักงานตรวจแรงงานกับพวก จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา 243 (3) (ข), 252
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5, 17/1, 118
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49, ๕๑ วรรคหนึ่ง, 57/1 วรรคสอง
คดีนี้มีประเด็นให้วินิจฉัยเพียงว่า มีเหตุให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ที่ ๔๙๐/๒๕๖๔
ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ที่วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเนื่องจากจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ ไม่มีประเด็นว่า จำเลยที่ ๒ เลิกจ้างโจทก์เนื่องจากกระทำความผิดหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลล่างวินิจฉัยถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างเกี่ยวกับพฤติการณ์ของโจทก์ตามหนังสือเตือน ๒ ฉบับ และวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำความผิดซึ่งทำให้จำเลยที่ ๒ มีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ใช่เป็นการเลิกจ้าง
ที่ไม่เป็นธรรม เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงาน
และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง กรณีมีเหตุให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานของจำเลยที่ 1
การกำหนดค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 ให้ศาลแรงงานกำหนดจำนวนค่าเสียหายโดยคำนึงถึงอายุ ระยะเวลาการทำงาน ความเดือดร้อนเมื่อลูกจ้าง
ถูกเลิกจ้างของโจทก์ กับมูลเหตุแห่งการเลิกจ้าง และค่าชดเชยที่โจทก์มีสิทธิได้รับ อันเป็น
การใช้ดุลพินิจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานภาค 2 ต้องพิจารณาและเป็นผู้กำหนด
ในส่วนของค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 ได้บัญญัตินิยามของคำว่า “ค่าจ้าง” ให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้าง
จ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงานด้วย นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือน เมื่อได้ความว่านอกจากเงินเดือนแล้ว โจทก์ยังได้รับค่าจ้างเป็นค่าเที่ยว โดยค่าเที่ยวนี้จะเป็นค่าจ้างตามผลงานที่โจทก์ได้ทำในเวลาทำงานปกติของวันทำงานหรือไม่ เพียงใด อันจะส่งผลให้ต้องนำมาคำนวณเป็นเกณฑ์สำคัญที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17/1 และมาตรา 118 ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป เมื่อศาลแรงงานภาค ๒ ยังไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวมา จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานภาค 2 รับฟังข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับค่าจ้างเป็นค่าเที่ยวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (3) (ข) และมาตรา 252 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 57/1 วรรคสอง
(จรูญ โชครุ่งวรานนท์ – พงษ์รัตน์ เครือกลิ่น – ศุทธิพงศ์ ภูสุวรรณ)
เสาวลักษณ์ ฉริยะพงศ์พันธุ์ – ย่อ
สุทจิ์ธิฎา สุทธิพงศ์คณาสัย – ตรวจ
(คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 479/2566)