คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 456/2568   นาง น.                                     โจทก์

                                                                                   นาย ก.                            จำเลย

ป.พ.พ. มาตรา ๕

ป.วิ.พ. มาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง, ๑๔๒ (๕), ๒๔๖ 

พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 1๘2

         ผู้ไร้ความสามารถจะเสนอข้อหาต่อศาลหรือดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ได้ ต่อเมื่อ
ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. ว่าด้วยความสามารถ และ ป.วิ.พ. มาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง
เมื่อความเพิ่งปรากฏในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยเป็นคนไร้ความสามารถโดยมีโจทก์เป็นผู้อนุบาล ดังนั้น
การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถผู้อยู่ในความอนุบาลโดยปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิทางศาลกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อประโยชน์ได้เสียของจำเลย และขัดกับบทบัญญัติของกฎหมายในอันที่จะคุ้มครองคนไร้ความสามารถ การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหา
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยกขึ้น
วินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕), ๒๔๖
ประกอบ พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.
2553  มาตรา 182

______________________________

 

         โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลย

         จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

         ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

         โจทก์อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้
ในเบื้องต้นว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นางสาว ศ. อายุ ๒๒ ปี อยู่ร่วมกันที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓ จำเลยป่วยด้วยสาเหตุหลอดเลือดสมองอุดตัน สมองพิการ เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เป็นผู้ป่วยติดเตียงร่างกายครึ่งล่างไม่อาจเคลื่อนไหวและไม่สามารถร่วมประเวณีได้ตลอดไป โจทก์จึงไม่ประสงค์อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยต่อไป เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง ผู้ไร้ความสามารถจะเสนอข้อหาต่อศาลหรือดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ได้ ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยความสามารถ
และบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ เมื่อความเพิ่งปรากฏในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยเป็น
คนไร้ความสามารถโดยมีโจทก์เป็นผู้อนุบาล ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคนไร้ความสามารถ
ผู้อยู่ในความอนุบาลโดยปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิทางศาลกระทำการ
เป็นปฏิปักษ์ต่อประโยชน์ได้เสียของจำเลย และขัดกับบทบัญญัติของกฎหมายในอันที่จะคุ้มครอง

 

 

 

คนไร้ความสามารถ การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับ
ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕), ๒๔๖ ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 182 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหา
ข้ออื่นอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์
คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

 

(แก้วตา เทพมาลี - ภีม ธงสันติ - เกียรติยศ ไชยศิริธัญญา)

เด่นฟ้า เรืองฤทธิ์เดช – ย่อ

อุษา จิวะชาติ – ตรวจ