คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นาง ว. โจทก์
ที่ วยช 99/2567 นาย อ. จำเลย
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของหมั้นของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทดังกล่าวไม่ใช่ของหมั้น โจทก์เป็นเพียง
ผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลย สภาพข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การกับคำฟ้องแย้งของจำเลยจึงมีประเด็นข้อพิพาทตามที่โจทก์กับจำเลยโต้แย้งกันว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นทรัพย์สินที่จำเลยให้เป็นของหมั้นแก่โจทก์หรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มาตรา ๑๔๓๗ จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณกลางปี ๒๕๖๕ จำเลยขอโจทก์แต่งงานและซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๒๓๔๗ ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท เพื่อเป็นของหมั้น
ให้แก่โจทก์ ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา จำเลยจัดตั้งบริษัท ด. เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
และขอให้โจทก์นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทมาทำสัญญาร่วมทุนกับจำเลยเพื่ออำพรางว่าบริษัท ด.
มีความเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจ ซึ่งแท้จริงแล้วโจทก์กับจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะผูกพันตามสัญญาร่วมทุน ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนสมรสหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย เป็นเหตุให้โจทก์กับจำเลย
ทะเลาะกันและไม่อาจอยู่กินกันฉันสามีภริยาได้ การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นการผิดสัญญาหมั้น
โจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์
โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่บริษัท ด. เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์มีหนังสือบอกล้างสัญญาร่วมทุนซึ่งเป็นนิติกรรมอำพรางแล้ว
ขอให้เพิกถอนสัญญาร่วมทุนและพิพากษาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๒๓๔๗ ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตกเป็นของหมั้นแก่โจทก์ กับห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลย จำเลยไม่เคยมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อเป็นของหมั้น เนื่องจากไม่มีเจตนาจะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ต่อมาโจทก์หลอกลวงจำเลยว่าต้องการร่วมลงทุน
กับจำเลยในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทกึ่งหนึ่ง แต่ไม่มีเงินจึงขอให้จำเลยทำสัญญาร่วมทุนเพื่อนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทไปขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งแท้จริงแล้วโจทก์ประสงค์เพียงต้องการให้จำเลยทำเอกสารขึ้นเพื่อแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทด้วยกึ่งหนึ่ง เมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์หลอกลวงจึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาร่วมทุนไปยังโจทก์และขอให้โจทก์โอนที่ดิน
พร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่จำเลย แต่โจทก์เพิกเฉย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
และบังคับโจทก์ให้ดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่บริษัท ด.
ของจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของหมั้นที่จำเลยมอบให้โจทก์
โจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทและไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลย
โจทก์ไม่เคยทุจริตหลอกลวงจำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา ศาลจังหวัดหัวหินเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาไว้ชั่วคราวแล้วเสนอปัญหาดังกล่าว
ให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วย
การจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส
สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด ซึ่งพิพาทกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะและความสามารถ
ของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖ มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗
และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่น
ที่เกี่ยวกับครอบครัวย่อมถือเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้สภาพข้อหา
ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การกับคำฟ้องแย้งของจำเลยมีประเด็นข้อพิพาทตามที่โจทก์กับจำเลย
โต้แย้งกันว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นทรัพย์สินที่จำเลยให้เป็นของหมั้นแก่โจทก์หรือไม่
ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ มาตรา ๑๔๓๗ จึงเป็น
คดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ 25 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
ประกอบ ลีนะเปสนันท์
(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)
ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
อภิพงศ์ ศานติเกษม - ย่อ
สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ