คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 2903/2562
นายพงษ์พันธ์ พงษ์สังข์ โจทก์
บริษัทแม็กซ์แท็กซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จำเลย
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา ๑๗, ๑๑๘ วรรคหนึ่ง, ๑1๙ (๔)
จําเลยอุทธรณ์ว่า คดีนี้แม้จะวินิจฉัยว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้จําเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานกลางฟังมาและที่ปรากฏในสํานวนว่า เมื่อโจทก์กระทําผิดโดยออกแบบผลิตภัณฑ์หลอดไฟสําหรับใช้ในเครื่องจักรให้กับจําเลยโดยกําหนดขนาดความยาวของหลอดไฟผิดพลาดจนเป็นเหตุให้จําเลยได้รับความเสียหาย และต่อมาจําเลยได้ลงโทษโจทก์ในความผิดนี้ตามข้อบังคับการทํางานของจําเลยด้วยการตักเตือนเป็นหนังสือตามเอกสารหมาย จ.๑ ถือได้ว่าความผิดดังกล่าวโจทก์ได้กระทําโดยประมาทเลินเล่อไปหมดด้วยการลงโทษโดยการตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว จําเลยย่อมไม่อาจนําความผิดดังกล่าวมาเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ได้อีก การที่จําเลยเลิกจ้างโจทก์ตามหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย
จ.9 จึงเท่ากับเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่ได้กระทําผิด จําเลยต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทน
การบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
______________________________
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๙๓,๗๓๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ค่าชดเชย ๑๕๓,๓๗๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และให้จำเลยคืนเงินประกันการทำงาน ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหาย ๕๓๘,๕๒๐.๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่จำเลยได้ชำระเงินให้แก่ผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าที่สั่งผิดพลาดเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
๙๓,๗๓๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ๑๕๓,๓๗๘ บาท และคืนเงินประกัน
การทำงาน ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวน นับแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ตามลำดับเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้โจทก์จ่ายค่าเสียหาย ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริง
และวินิจฉัยว่า โจทก์มีหน้าที่ออกแบบผลิตภัณฑ์หลอดไฟสำหรับใช้ในเครื่องจักรให้กับจำเลย การที่โจทก์เขียนแบบกำหนดความยาวของหลอดไฟ ๑,๗๙๘ มิลลิเมตร และจำเลยได้สั่งผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ปรากฏว่าหลอดไฟดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้กับเครื่องจักรของจำเลยได้เนื่องจากขนาดของหลอดไฟที่ถูกต้องคือ ๑,๗๖๒ มิลลิเมตร ถือว่าโจทก์กระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย แต่การที่จำเลยมีหนังสือเตือนโจทก์เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นระยะเวลาหลังจากที่เกิดเหตุ
ถึง ๖ เดือนและหนังสือเตือนดังกล่าวมีข้อความทำนองให้โจทก์กับจำเลยช่วยกันหาทางแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าการกระทำละเมิดของโจทก์ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง และจำเลยลงโทษโจทก์เพียงมีหนังสือเตือนการกระทำความผิดเท่านั้น ย่อมแสดงว่าการกระทำของโจทก์ไม่ใช่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้จำเลยสามารถเลิกจ้างโจทก์ได้ จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๙๐ วัน เป็นเงิน ๑๕๓,๓๗๘ บาท และจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้กับโจทก์ ๕๕ วัน เป็นเงิน ๙๓,๗๓๑ บาท ส่วนเงินประกันการทำงานที่โจทก์เรียกจากจำเลย ๑๕,๐๐๐ บาท เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น และพยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าโจทก์ออกไปตั้งบริษัทคอมพลีทพ้อยท์ ออโต้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
อันเป็นการแข่งขันกับกิจการของจำเลย จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานจำเลย
อย่างร้ายแรง สำหรับค่าเสียหายที่จำเลยฟ้องแย้งมานั้น จำเลยสั่งผลิตหลอดไฟมากถึง ๓๐๐ หลอด
เพื่อนำมาใช้งานกับเครื่องยิงสีเพียง ๖ หลอดต่อ ๑ เครื่อง แล้วสำรองหลอดไฟไว้ถึง ๒๙๔ หลอด จึงเป็นการสั่งผลิตหลอดไฟที่มากเกินความจำเป็นที่จะนำมาใช้กับเครื่องยิงสีเพียงเครื่องเดียว อีกทั้ง
การสั่งหลอดไฟดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นอำนาจของโจทก์ แต่เป็นการสั่งโดยฝ่ายจัดซื้อของจำเลย ความเสียหายที่จำเลยได้รับทั้งหมดไม่ได้เกิดจากโจทก์แต่เพียงฝ่ายเดียว จึงกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยเพียง ๕๐,๐๐๐ บาท
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์ประมาทเลินเล่ออันเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้แม้จะวินิจฉัยว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุ
ให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามที่
ศาลแรงงานกลางฟังมาและปรากฏในสำนวนว่า เมื่อโจทก์ได้กระทำผิดโดยออกแบบผลิตภัณฑ์หลอดไฟสำหรับใช้ในเครื่องจักรให้กับจำเลยโดยกำหนดขนาดความยาวของหลอดไฟผิดพลาดจนเป็นเหตุ
ให้จำเลยได้รับความเสียหาย และต่อมาจำเลยได้ลงโทษโจทก์ในความผิดนี้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทำงานของจำเลยด้วยการตักเตือนเป็นหนังสือ ตามหนังสือลงโทษเอกสารหมาย จ.๑ ถือได้ว่าความผิดดังกล่าวที่โจทก์ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อได้หมดไปด้วยการลงโทษด้วยการตักเตือน
เป็นหนังสือแล้ว จำเลยย่อมไม่อาจนำความผิดดังกล่าวมาเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ตามหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย จ.๙ จึงเท่ากับเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิด จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
(นาวี สกุลวงศ์ธนา –เริงศักดิ์ วิริยะชัยวงศ์ - นงนภา จันทรศักดิ์ ลิ่มไพบูลย์)
สุเจตน์ สถาพรนานนท์ - ย่อ
สุโรจน์ จันทรพิทักษ์ - ตรวจ