คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 2499/2560     บริษัทแอล.วี. เทคโนโลยี

                                                                         จำกัด (มหาชน)                        โจทก์

                                                                         นางธนิษฐ์อร  ไกรกิตติตวงธนา

                                                                         ในฐานะพนักงานตรวจแรงงาน       จำเลย

 

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 124, 125 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม

 

          ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา 124 แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง” และวรรคสามบัญญัติว่า “ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งนั้น จึงจะฟ้องคดีได้” เมื่อจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างอันเป็นคำสั่งตามมาตรา 124 และโจทก์ต้องการฟ้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องวางเงินตามมาตรา 125 วรรคสาม ทันทีที่ยื่นฟ้อง แม้ว่าโจทก์จะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการของโจทก์ก็ไม่อาจถือเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องวางเงินแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ไม่สามารถวางเงินตามคำสั่งของจำเลยต่อศาลพร้อมคำฟ้องเพราะโจทก์ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงนั้น ก็ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตให้ขยายระยะเวลาเพื่อให้โจทก์นำเงินมาวางศาลนับแต่โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จนถึงวันที่ 29 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นระยะเวลานานพอสมควรตามความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแก่โจทก์แล้ว เมื่อโจทก์ไม่วางเงินภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลแรงงานกลางอนุญาต การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

______________________________

 

          โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ที่ 18/2560 ลงวันที่ 26 เมษายน 2560 ของจำเลยและยื่นคำร้องอ้างว่า โจทก์อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์ ซึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9) ห้ามมิให้โจทก์ในฐานะลูกหนี้ชำระหนี้ใด ๆ เว้นแต่ศาลในคดีล้มละลายจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ประกอบกับโจทก์ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง จึงขอขยายระยะเวลาวางเงินจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งของจำเลยต่อศาลแรงงานกลางออกไปอีก 30 วัน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินออกไปถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 จากนั้นวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 และวันที่ 1 สิงหาคม 2560 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินดังกล่าวออกไปอีกครั้งละ 30 วัน และ 60 วัน อ้างว่าโจทก์อยู่ในระหว่างรอฟังผลการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางว่าจะให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์หรือไม่ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินออกไปถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2560 และวันที่ 29 กันยายน 2560 ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 27 กันยายน 2560 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 60 วัน อ้างเหตุผลเช่นเดิมดังกล่าว

          ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง

          โจทก์อุทธรณ์

            ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ยังไม่สามารถวางเงินตามคำสั่งของจำเลยต่อศาลพร้อมคำฟ้องเป็นเพราะโจทก์ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง มีเจ้าหนี้ประมาณ 168 ราย โจทก์ถูกเจ้าหนี้ฟ้องคดีต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์ และคดีกำลังอยู่ในระหว่างการไต่สวนคำร้องว่าจะให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่ ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องของเจ้าหนี้ผู้ร้องไว้แล้ว โจทก์น่าจะได้รับการคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องการวางเงินคดีนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9) โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องวางเงินหรืออย่างน้อยก็น่าจะได้รับความกรุณาจากศาลแรงงานกลางให้ขยายระยะเวลาวางเงินออกไปก่อนจนกว่าศาลในคดีล้มละลายจะมีคำสั่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของโจทก์ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา 124 แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง” และวรรคสาม บัญญัติว่า “ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดจ่ายตามคำสั่งนั้น จึงจะฟ้องคดีได้” เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างอันเป็นคำสั่งตามมาตรา 124 และโจทก์ต้องการฟ้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องวางเงินตามมาตรา 125 วรรคสาม ทันทีที่ยื่นฟ้อง ดังนี้แม้ว่าโจทก์จะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ฟื้นฟูกิจการของโจทก์ก็ไม่อาจถือเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องวางเงินแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ไม่สามารถวางเงินตามคำสั่งของจำเลยต่อศาลพร้อมคำฟ้องเป็นเพราะโจทก์ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงนั้น ก็ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตให้ขยายระยะเวลาเพื่อให้โจทก์นำเงินมาวางศาลนับแต่โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จนถึงวันที่ 29 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นระยะเวลานานพอสมควรตามความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแก่โจทก์แล้ว เมื่อโจทก์ไม่วางเงินภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลแรงงานกลางอนุญาต การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน.

 

(สมเกียรติ  คูวัธนไพศาล - เฉลิมพงศ์  ขันตี - ยิ่งลักษณ์  สุขวิสิฏฐ์)

 

อิศเรศ  ปราโมช  ณ  อยุธยา - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ