คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ  นางสาว ธ.                                      โจทก์       

         ที่ วยช 64/2567                               นาย ก. กับพวก                                  จำเลย

         คดีนี้สภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับตามคำฟ้องเป็นเรื่องขอให้เพิกถอนนิติกรรมเกี่ยวกับการจัดการสินสมรสที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งกระทำไปแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นกรณีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สิน
ที่จะต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มาตรา 1480 จึงเป็นคดีครอบครัว

______________________________

 

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรส
เมื่อวันที่ ๑8 มิถุนายน ๒๕6๓ ระหว่างสมรสโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๒๒๕๗ กับ 8๒๒๕๘
ตำบลนาอ้อ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย โดยตกลงให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวจึงเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ จำเลยที่ 1 ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 82257 ให้แก่จำเลยที่ 2 ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตลาด
โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และจำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 8๒๒๕7 ตำบลนาอ้อ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย ฉบับลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕6๖ ระหว่าง
จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินและโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์
โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง

         จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ

         ระหว่างพิจารณา ศาลจังหวัดเลยพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว
แล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกันตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖
มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียน
.

 

 

 

 

ครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ย่อมถือเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)
คดีนี้สภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับตามคำฟ้องเป็นเรื่องขอให้เพิกถอนนิติกรรมเกี่ยวกับ
การจัดการสินสมรสที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งกระทำไปแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยปราศจากความยินยอมของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นกรณีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินที่จะต้องบังคับ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ มาตรา ๑๔๘๐ จึงเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖7

 

ประกอบ ลีนะเปสนันท์

(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 

 

อภิพงศ์ ศานติเกษม – ย่อl,

สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ