คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ  นาย ท.                                          โจทก์       

         ที่ วยช 71/2567                               นางสาว ส. กับพวก                             จำเลย

         คดีนี้โจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยเป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องขอให้
การจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนบริษัท ซ. เป็นโมฆะ ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 คืนหุ้น
ในบริษัทให้แก่โจทก์กับจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 แบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมบ้านพิพาท
ซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้มาในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง แม้เนื้อหาคำฟ้องของโจทก์ยังไม่มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สิน แต่กระบวนพิจารณาในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ยังไม่ถึงขั้นตอนจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การ กรณียังไม่อาจวินิจฉัยได้แน่ชัดว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ สมควรที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปก่อน

______________________________

 

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสัญชาติอเมริกัน อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ ๑ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙
จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๓ และหย่าขาดจากกันตามคำพิพากษาของศาลเยาวชน
และครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา
ก่อนจดทะเบียนสมรส โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๕๕๕ (ที่ถูก ๗๑๕๔๕)
ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมบ้านเลขที่ ๑๐๑/๔ เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัย
แต่เนื่องจากโจทก์เป็นบุคคลต่างด้าวไม่สามารถมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ โจทก์กับจำเลยที่ ๑
จึงซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซ. ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าว เพื่อให้บริษัท ซ.
ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแทนโจทก์กับจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๑ เป็นกรรมการบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นหมายเลข ๐๐๐๐๑-๑๕๓๐๐ โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นหมายเลข ๑๕๓๐๑-๒๒๖๕๐ ส่วนจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ถือหุ้นหมายเลข ๒๒๖๕๑-๓๐๐๐๐ แต่จำเลยที่ ๓ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นที่แท้จริง เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทนโจทก์
กับจำเลยที่ ๑ เพื่อให้บริษัท ซ. มีผู้ถือหุ้นครบ ๓ คน ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น หุ้นทั้งหมด
ในบริษัทและที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๕๔๕ พร้อมบ้านเลขที่ ๑๐๑/๔ จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์
กับจำเลยที่ ๑ ต่อมาในระหว่างสมรสเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท ซ. จากจำเลยที่ ๑ เป็นจำเลยที่ ๒ โดยไม่ได้รับความยินยอม
จากโจทก์และไม่มีการจัดประชุมกันจริง จึงเป็นการจัดการทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่าง
โจทก์กับจำเลยที่ ๑ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ ๑ แล้ว โจทก์มีความประสงค์
ที่จะแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๕๔๕ พร้อมบ้านเลขที่ ๑๐๑/๔ และหุ้นในบริษัท ซ. ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ฝ่ายละกึ่งหนึ่ง และเรียกให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ คืนหุ้นแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้การจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนบริษัท ซ. ตามคำขอที่ ๗๗๐๐๒๖๔๑๑๒๒๐๐๐๒ เมื่อวันที่๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เป็นโมฆะ
ให้จำเลยที่ ๒ คืนหุ้นหมายเลข ๐๐๐๐๑-๑๕๓๐๐ และให้จำเลยที่ ๓ คืนหุ้นหมายเลข ๒๒๖๕๑-๓๐๐๐๐ ของบริษัท ซ. ให้แก่โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ให้หุ้นทั้งหมดของบริษัท ซ. และหุ้นหมายเลข ๐๐๐๐๑-๓๐๐๐๐

เป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ฝ่ายละครึ่ง หรือให้นำหุ้นทั้งหมดออกขายทอดตลาดแล้ว
.

 

 

นำเงินที่ได้มาแบ่งให้แก่โจทก์กับจำเลยที่ ๑ และให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๑๕๔๕ พร้อมบ้านเลขที่ ๑๐๑/๔ รวมถึงทรัพย์สินทุกชนิดที่มีอยู่บนที่ดินและบ้านตกเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑
ฝ่ายละครึ่ง หรือให้นำที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งให้แก่โจทก์
กับจำเลยที่ ๑

         ชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่า
คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษา
ไว้ชั่วคราวแล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖
มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัวย่อมถือเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้การจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนบริษัท ซ. เป็นโมฆะ ให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ คืนหุ้น
ในบริษัทให้แก่โจทก์กับจำเลยที่ ๑ และให้จำเลยที่ ๑ แบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง แม้เนื้อหาคำฟ้องของโจทก์ยังไม่มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สิน แต่กระบวนพิจารณาในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ยังไม่ถึงขั้นตอนจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การ กรณียังไม่อาจวินิจฉัยได้แน่ชัดว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ สมควรที่ศาลเยาวชนและครอบครัว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปก่อน

         วินิจฉัยว่า ในชั้นนี้ยังไม่รับวินิจฉัยปัญหาเรื่องอำนาจศาลตามที่ศาลเยาวชนและครอบครัว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เสนอมา ให้ส่งสำนวนคืนศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗

 

ประกอบ ลีนะเปสนันท์

(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 

 

อภิพงศ์ ศานติเกษม - ย่อ

สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ