คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วท ๗/๒๕๕๙ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด

                                                                                 (มหาชน)                       โจทก์

                                                                                 บริษัท ดิสทริบิวแอนด์มาร์เก็ตติ้ง

                                                                                 จำกัด กับพวก               จําเลย

 

         ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ มีข้ออ้างและข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยตามสัญญากู้เงินหมุนเวียนระยะสั้นเพื่อสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขาย ต่างประเทศว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าว และจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ต้องร่วมรับผิดตามสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนำหรือไม่ แม้โจทก์จะให้บริการทางการเงินเพื่อสนับสนุนธุรกิจของจำเลยที่ ๑ ในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศก็ตาม แต่ความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาดังกล่าวก็แยกต่างหากจากนิติกรรมการซื้อขายสินค้าที่จำเลยที่ ๑ ทำกับผู้ขายในต่างประเทศ นอกจากนั้นตามคำฟ้องก็ไม่ปรากฏว่า โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ร่วมกันรับผิดตามสัญญาซื้อขายสินค้านั้นแต่อย่างใด ทั้งการที่โจทก์ให้บริการทางการเงินแก่จำเลยที่ ๑ ผู้รับบริการซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่การให้บริการระหว่างประเทศ สัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนำที่ทำไว้กับโจทก์เพื่อประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญากู้เงินหมุนเวียนระยะสั้น เพื่อใช้ในการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายต่างประเทศจึงเป็นนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาให้บริการในประเทศด้วย คดีนี้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยตามสัญญาซื้อขายสินค้า สัญญาให้บริการระหว่างประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________

         โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๑ จำเลยที่ ๑ ทำคำขอใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท คำขอวงเงินสินเชื่อประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และทำสัญญาการใช้วงเงินสินเชื่อประเภทตั๋วเงินไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กับวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาการใช้วงเงินสินเชื่อประเภทตั๋วเงินโดยเพิ่มวงเงินขาย/ขาย ลดตั๋วเงินกับธนาคารโจทก์อีก 137,500,000 บาทรวมเป็น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท
โดยมีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ เป็นผู้ค้ำประกันและผู้จำนำหุ้นเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวต่อโจทก์และยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ ได้สั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายในต่างประเทศ เมื่อสินค้ามาถึงประเทศไทย จำเลยที่ ๑ ใช้วงเงินสินเชื่อดังกล่าวจากโจทก์เพื่อให้โจทก์ชำระค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย
ในต่างประเทศไปก่อน ซึ่งจำเลยที่ ๑ จะทำสัญญาทรัสต์รีซีทหรือนำตั๋วสัญญาใช้เงินมาขายลดกับโจทก์ เมื่อครบกำหนดชำระตามสัญญาทรัสต์รีซีทหรือตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับ จำเลยที่ ๑ ก็จะนำเงินค่าซื้อสินค้ามาชำระคืนแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ จึงทำบันทึกข้อตกลงชำระหนี้และสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับโจทก์ตามลำดับ นอกจากนั้นนายวิกร วิวิธคุณาภรณ์ (ผู้ตาย) โดยจำเลยที่ ๙ ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ค้ำประกันไว้
ต่อโจทก์ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ จำเลยที่ ๑ มีหนี้ค้างชำระต้นเงิน ๑๘๑,๐๔๘,๐๐๙.๗๙ บาท ดอกเบี้ย ๕๕,๘๔๗,๙๒๙.๙๘ บาท รวมเป็นเงิน ๒๓๖,๘๙๕,๙๓๙.๗๗ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าชำระเงิน ๒๔๔,๘๓๖,๖๙๘.๓๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของเงินต้น ๑๘๔,๑๐๔,๙๒๕.๑๖ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งเก้าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งเก้าออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน พร้อมกับบังคับจำนำหุ้นตามคำขอท้ายคำฟ้อง

         ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๗ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาตและจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๗ ออกจากสารบบความ

         จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้การทำนองเดียวกันปฏิเสธความรับผิดตามฟ้อง
ขอให้ยกฟ้อง โดยจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้การว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ แปลงหนี้ใหม่ต่อกันแล้วตามบันทึกข้อตกลงการชำระหนี้ คดีนี้จึงไม่ใช่หนี้การค้าระหว่างประเทศไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

         ในชั้นชี้สองสถาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงให้รอ
การพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว แล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙

         วินิจฉัยว่า กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย การให้บริการระหว่างประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ มีข้ออ้างและข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยตามสัญญากู้เงินหมุนเวียนระยะสั้นเพื่อสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายต่างประเทศว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าว และจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ต้องร่วมรับผิดตามสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนำหรือไม่
แม้โจทก์จะให้บริการทางการเงินเพื่อสนับสนุนธุรกิจของจำเลยที่ ๑ ในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
ก็ตาม แต่ความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาดังกล่าวก็แยกต่างหากจากนิติกรรมการซื้อขายสินค้า
ที่จำเลยที่ ๑ ทำกับผู้ขายในต่างประเทศ นอกจากนั้นตามคำฟ้องก็ไม่ปรากฏว่า โจทก์ขอให้บังคับ
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ร่วมกันรับผิดตามสัญญาซื้อขายสินค้านั้นแต่อย่างใด ทั้งการที่โจทก์ให้บริการทางการเงินแก่จำเลยที่ ๑ ผู้รับบริการซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่การให้บริการระหว่างประเทศ สัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนำที่ทำไว้กับโจทก์เพื่อประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑
ตามสัญญากู้เงินหมุนเวียนระยะสั้นเพื่อใช้ในการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายต่างประเทศจึงเป็นนิติกรรม
ที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาให้บริการในประเทศด้วย คดีนี้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยตามสัญญาซื้อขายสินค้า สัญญาให้บริการระหว่างประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕)
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณา
คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

         วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

 

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙

 

เมทินี ชโลธร

(นางเมทินี ชโลธร)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 

สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ

นิภา ชัยเจริญ - ตรวจ