คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 2001/2565  บริษัทแคนาดอยล์ กรุ๊ป จำกัด     ผู้ร้องขอ

                                                           นายบุญยัง  กอแก้ว            เจ้าหนี้                                       บริษัทแคนาดอล ไพพ์ จำกัด                ลูกหนี้

 

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๒, ๑๑๓, ๑๑๕

พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๒๓

         นายจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๒, ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๕ ในการเก็บรักษาทะเบียนลูกจ้างซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่เริ่มจ้าง อัตราค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น รวมทั้งวันสิ้นสุดของการจ้าง เอกสารหลักฐานที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทําความเห็นว่า เจ้าหนี้ไม่นําพยานหลักฐานมาให้การสอบสวนอันแสดงได้ว่าเจ้าหนี้ได้เริ่มทํางานกับ ลูกหนี้และเลิกจ้างเจ้าหนี้เมื่อใด ตลอดจนเงินค่าจ้างที่ลูกหนี้ค้างจ่ายแก่เจ้าหนี้นอกเหนือจากที่ ปรากฏในคําสั่งพนักงานตรวจแรงงานมีอยู่หรือไม่เป็นจํานวนเท่าใด จึงเป็นเอกสารที่อยู่ในอํานาจ ของลูกหนี้เอง เมื่อศาลมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอํานาจจัดการและจําหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทําการที่จําเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้
ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป และเมื่อลูกหนี้ได้รับทราบคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ต้องส่งมอบทรัพย์สิน ดวงตรา สมุดบัญชี และเอกสารอันเกี่ยวกับทรัพย์สินและกิจการของตนซึ่งอยู่ในความครอบครอง ให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งสิ้น ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑)
และมาตรา ๒๓ คดีนี้ลูกหนี้ได้รับทราบคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ดังนั้น เอกสารอันเกี่ยวกับ ทรัพย์สินและกิจการของลูกหนี้ รวมทั้งทะเบียนลูกจ้างซึ่งเป็นหลักฐานว่าเจ้าหนี้เริ่มทํางานเมื่อใด และลูกหนี้มีการเลิกจ้างเมื่อใด ควรอยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรืออยู่
ในอํานาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเรียกให้ลูกหนี้ส่งมอบให้ได้ และสามารถตรวจสอบ เอกสารดังกล่าวได้เองตามกฎหมาย เมื่อปัญหาว่าลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยถูกต้องตรงตามสิทธิ ของกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น
ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทําความเห็นคําขอรับชําระหนี้ไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชําระหนี้บางส่วน
และศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ เห็นควรให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนหนี้ แล้วทําความเห็นเสนอศาลล้มละลายกลางเพื่อพิจารณาและมีคําสั่งใหม่

______________________________

         คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๗ โดยตั้งนายจอร์จ เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๗ และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน โดยมีลูกหนี้เป็นผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ต่อมาศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563

         เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้รายที่ 15 ในมูลหนี้เงินเดือนค้างจ่ายและค่าชดเชย
เป็นเงิน 296,334.๘๙ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94

         เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้วไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้

         เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นว่า เห็นควรให้เจ้าหนี้รายที่ 15 ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้เงินเดือนค่าจ้างค้างจ่ายจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นเงิน ๙6,101.44 บาท ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกัน โดยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าการงานที่ได้ทำให้นับถอยหลังขึ้นไปสี่เดือนแต่รวมกันแล้ว
ไม่เกินหนึ่งแสนบาทตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๖) จากกองทรัพย์สิน
ของลูกหนี้ ส่วนหนี้ที่เหลือให้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา ๑๓๐ (๗) ส่วนที่เกินมาให้ยกเสีย

         ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 15 ได้รับชำระหนี้ตามความเห็น
ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

         เจ้าหนี้อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เจ้าหนี้
เป็นลูกจ้างของลูกหนี้ในตำแหน่งพนักงานขับรถ อัตราค่าจ้างเดือนละ 14,๓00 บาท ลูกหนี้ไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้อง
ต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 พนักงานตรวจแรงงานพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ลูกหนี้จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายดังกล่าวแก่เจ้าหนี้จำนวน 92,380.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นว่า คำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว
มีผลผูกพันลูกหนี้ เห็นควรอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ส่วนนี้ ส่วนที่ขอเกินกว่านี้เห็นควรยก ปัญหา
ที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็น
ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบหรือไม่ เห็นว่า นายจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๒, ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๕ ในการเก็บรักษาทะเบียนลูกจ้าง
ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่เริ่มจ้าง อัตราค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น รวมทั้งวันสิ้นสุด
ของการจ้าง เอกสารหลักฐานที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นว่า เจ้าหนี้ไม่นำพยานหลักฐาน
มาให้การสอบสวนอันแสดงได้ว่าเจ้าหนี้ได้เริ่มทำงานกับลูกหนี้และเลิกจ้างเจ้าหนี้เมื่อใด ตลอดจนเงินค่าจ้างที่ลูกหนี้ค้างจ่ายแก่เจ้าหนี้นอกเหนือจากที่ปรากฏในคำสั่งพนักงานตรวจแรงานมีอยู่หรือไม่
เป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นเอกสารที่อยู่ในอำนาจของลูกหนี้เอง เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้
หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป และเมื่อลูกหนี้ได้รับทราบ
คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ต้องส่งมอบทรัพย์สิน ดวงตรา สมุดบัญชี และเอกสารอันเกี่ยวกับทรัพย์สินและกิจการของตนซึ่งอยู่ในความครอบครองให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งสิ้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) และมาตรา ๒๓ คดีนี้ลูกหนี้ได้รับทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ดังนั้น เอกสารอันเกี่ยวกับทรัพย์สินและกิจการของลูกหนี้ รวมทั้งทะเบียนลูกจ้าง
ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเจ้าหนี้เริ่มทำงานเมื่อใด และลูกหนี้มีการเลิกจ้างเมื่อใด ควรอยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรืออยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเรียกให้ลูกหนี้
ส่งมอบให้ได้ และสามารถตรวจสอบเอกสารดังกล่าวได้เองตามกฎหมาย อีกทั้งข้อเท็จจริงบางส่วนยังฟังยุติตามความเห็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ลูกหนี้ได้ว่าจ้างให้เจ้าหนี้ทำงานจริงและยังค้างชำระค่าจ้างตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามที่ปรากฏในคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน แสดงว่าอย่างน้อยเจ้าหนี้ก็ได้ทำงานให้ลูกหนี้ติดต่อกันครบ 1 ปี เมื่อลูกหนี้ได้เลิกจ้างเจ้าหนี้
โดยไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้มีความผิด เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อมีการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๘ เมื่อปัญหาว่าลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยถูกต้องตรงตามสิทธิ
ของกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น
ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นคำขอรับชำระหนี้ไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้บางส่วน
และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ เห็นควรให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนหนี้แล้วทำความเห็นเสนอศาลล้มละลายกลางเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งใหม่

         พิพากษายกคำสั่งศาลล้มละลายกลางที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้เพิ่มเติม
และทำความเห็นคำขอรับชำระหนี้เสนอศาลล้มละลายกลางใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

(เพชรน้อย สมะวรรธนะ - สถาพร วิสาพรหม - ชวลิต ยงพาณิชย์)

 

สรายุทธ์  เตชะวุฒิพันธุ์ – ย่อ

สุรัชฎ์  เตชัสวงศ์ – ตรวจ