คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ  นาย ก.                                          โจทก์       

         ที่ วยช 56/2567                               นาย ว. กับพวก                                  จำเลย

         โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายอ้างว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่ผู้ตาย
ให้การรับรองโดยพฤตินัย จึงเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดก จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของผู้ตาย คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในการรับมรดกของโจทก์ว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายหรือไม่ อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ 6 มาตรา 1627 และ 1629 จึงไม่เป็นคดีครอบครัว

______________________________

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายของนาย บ. เจ้ามรดกผู้ตาย กับนางสาว ศ. ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ตายรับรองโจทก์เป็นบุตรโดยพฤตินัย โจทก์จึงเป็นผู้สืบสันดาน
ของผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายผู้ตายกับนาง ธ. ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อวันที่
๘ ธันวาคม ๒๕๖0 โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต่อมา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ทรัพย์มรดกของผู้ตายเท่าที่โจทก์สืบทราบ ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 63183 ตำบลบางพรม อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งจำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อจำเลยที่ 1 รถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส - เบนซ์ ซึ่งจำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ดังกล่าว
เป็นชื่อจำเลยที่ 1 หุ้นในบริษัทจำกัดที่เป็นกิจการค้าขายของตระกูลซึ่งผู้ตายเป็นผู้ถือหุ้น รวม 7 บริษัท และเงินลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. 60,000 บาท และยังมีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับบุคคลอื่นอีก คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 6776 ตำบลเทพศิรินทร์ (ป้อมปราบศัตรูพ่าย)
อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย (สามเพ็ง) กรุงเทพมหานคร ที่ดินโฉนดเลขที่ 13171, 13172, 13173 และ 13174 ตำบลวัดเทพศิรินทร์ (ป้อมปราบ) อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย (สามเพ็ง) กรุงเทพมหานคร ที่ดินโฉนดเลขที่ 1238 และ 1239 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ที่ดินโฉนด
เลขที่ 25510 ตำบลวัดท่าพระ อำเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวตามกฎหมายหนึ่งในสามส่วน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นส่วนแบ่งมรดกของโจทก์ตามฟ้องเป็นเงินทั้งสิ้น 14,758,366.63 บาท โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวสถานะของโจทก์ และให้จำเลยที่ 2
ในฐานะผู้จัดการมรดกจัดทำบัญชีและแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 เพิกเฉย อันเป็น
การโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๓๑8๓ คืนแก่กองมรดกของผู้ตาย และแบ่งให้แก่โจทก์ตามส่วนแบ่งที่โจทก์ต้องได้รับตามกฎหมาย
หากแบ่งไม่ได้ให้นำออกขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดให้นำส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดแบ่งให้แก่โจทก์ตามสิทธิ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 6776, 13171, 13172, 13173, 13174, 1238, 1239 และ 25510 ให้แก่โจทก์ตามส่วนแบ่งที่โจทก์ต้องได้รับตามกฎหมาย หากแบ่งไม่ได้

 

 

 

ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดให้นำส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดแบ่งให้แก่โจทก์
ตามสิทธิ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งหุ้นในบริษัทจำกัด รวม 7 บริษัท และใส่ชื่อโจทก์เข้าเป็นผู้ถือหุ้น
ตามส่วนแบ่งที่โจทก์ต้องได้รับตามกฎหมาย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งเงินลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ให้แก่โจทก์ตามส่วนแบ่งที่โจทก์ต้องได้รับตามกฎหมาย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใส่ชื่อโจทก์เข้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส - เบนซ์ หรือแบ่งกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันดังกล่าว
ให้แก่โจทก์ตามส่วนแบ่งที่โจทก์ต้องได้รับตามกฎหมาย หากแบ่งไม่ได้ให้นำรถยนต์คันดังกล่าว
ออกขายทอดตลาด ได้เงินเท่าใดให้นำส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดแบ่งให้แก่โจทก์ตามสิทธิ
หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
และให้จำเลยทั้งสองแสดงรายการทรัพย์มรดกของผู้ตาย ที่จำเลยทั้งสองหรือบุคคลภายนอกครอบครองอยู่ทั้งหมด โดยให้จำเลยทั้งสองจัดการแบ่งทรัพย์มรดกที่มีอยู่นอกเหนือจากที่มีในคำฟ้องให้กับโจทก์
ตามสิทธิ

         จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จึงมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิ
รับมรดกและไม่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกของผู้ตาย คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

         ระหว่างพิจารณา ศาลแพ่งตลิ่งชันเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว แล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖
มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ย่อมถือเป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติ
ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายอ้างว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่ผู้ตายให้การรับรอง
โดยพฤตินัย จึงเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดก จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรม
ผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในการรับมรดกของโจทก์ว่า
โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายหรือไม่ อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มาตรา 1627 และ 1629 มิได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ความเป็นบิดามารดากับบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 โดยตรง คดีนี้จึงไม่เป็น

 

 

 

 

คดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)

         วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว

 

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖7

 

ประกอบ ลีนะเปสนันท์

(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

 

 

จตุพร โค้วคาศัย - ย่อ

สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ