คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วท ๑๐/๒๕๕๙ บริษัทฟูโซ่ทรัค (ประเทศไทย)
จำกัด โจทก์
บริษัทมิตซูบิชิ ฟูโซ่ ทรัค
แอนด์ บัส คอร์เปอร์เรชั่น
จำกัด จำเลย
ในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า ข้อพิพาทตามฟ้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือให้ต้องระงับ
ข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการนั้น ได้ความตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ฉบับลงวันที่
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ว่า โจทก์และจำเลยนำข้อพิพาทระหว่างกันเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าข้อพิพาทในการรับประกันสินค้าในคดีนี้มีบางส่วนที่เกี่ยวพันกับข้อพิพาทที่นำเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่นดังกล่าว
และอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่นมีคำสั่งโดยสรุปว่า ในการรับประกันการซื้อสินค้าจากจำเลยนั้น แบ่งออกเป็นการรับประกันสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดียและสินค้าที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งตามสัญญาแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั้น การรับประกันสินค้าของจำเลยที่เข้าข้อกำหนดในสัญญาที่จะต้องนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่นคือสินค้าที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นมิได้รวมถึงสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดียด้วย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเฉพาะส่วนการรับประกันสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดีย ดังนั้น ในชั้นนี้ กรณีจึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า
ข้อพิพาทในคดีนี้อยู่ในบังคับข้อตกลงที่ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการก่อนหรือไม่
จึงเห็นสมควรวินิจฉัยในเรื่องเขตอำนาจศาลไปได้ โดยเห็นว่า แม้คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระเงินค่ารับประกันสินค้า แต่ก็เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับเงินค่ารับประกันสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างโจทก์กับจำเลย คดีตามฟ้องโจทก์จึงต้องพิจารณาถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาตามสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อในประเทศไทยและผู้ขายในต่างประเทศ อันเป็นการซื้อขายระหว่างประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายระหว่างประเทศที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นต้นมา จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ได้ทำสัญญาให้โจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่ (Fuso) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยโจทก์จะสั่งซื้อรถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่พร้อมทั้งอะไหล่รถยนต์บรรทุกต่างๆ ไปยังจำเลย เมื่อจำเลยได้รับคำเสนอซื้อแล้ว จำเลยจะจัดส่งรถยนต์บรรทุกหรืออะไหล่ต่างๆ มาให้แก่โจทก์เพื่อโจทก์จะได้จัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยจำเลยตกลงว่าหากโจทก์ขายรถยนต์บรรทุกที่ซื้อไปจากจำเลยให้แก่ลูกค้าของโจทก์แล้ว ปรากฏว่ารถยนต์บรรทุกหรืออะไหล่รถยนต์บรรทุกต่างๆ เกิดความเสียหายชำรุดบกพร่องใดๆ ตามที่ตกลงกัน จำเลยจะรับผิดชอบต่อโจทก์ โดยโจทก์ต้องทำการสรุปความเสียหายภายในระยะเวลาที่จำเลยตกลงรับประกันพร้อมทั้งการตั้งเบิกไปยังจำเลยภายในตารางเวลาที่จำเลยกำหนดมาให้ และเมื่อจำเลย
ทำการตรวจสอบแล้วและอนุมัติตามที่โจทก์แจ้ง จำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์ โดยการโอนเงินให้โจทก์ภายในเดือนถัดไปนับแต่วันที่โจทก์ทำการตั้งเบิก แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์จาก
ความเสียหายชำรุดบกพร่องที่โจทก์สรุปความเสียหายให้จำเลยในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน ๒๕๕๙ โจทก์จึงมอบหมายให้ทนายความมีหนังสือทวงถามไปยังจำเลย แต่จำเลยเพิกเฉย การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๒,๗๐๒,๘๘๗.๓๔ บาท แต่โจทก์ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยเพียงในส่วนการรับประกันสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดียเป็นเงิน ๑,๓๗๖,๒๖๕.๒๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๑,๓๙๔,๒๗๐.๒๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๓๗๖,๒๖๕.๒๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาผู้แทนจำหน่ายระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่การแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ข้อพิพาทตามฟ้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือ
ให้ต้องระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องว่า ข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นข้อพิพาทตามสัญญาผู้แทนจำหน่ายอันมีลักษณะเป็นการตกลงซื้อขาย
และ/หรือให้บริการระหว่างคู่สัญญาระหว่างประเทศ ข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีพิพาททางแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ หรือนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามมาตรา ๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จำเลยไม่ต้องชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ เพราะโจทก์มีหนี้ค้างชำระต่อจำเลยในจำนวนที่สูงกว่ายอดหนี้ตามฟ้อง และจำเลย
ได้ใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ดังกล่าวแล้วในชั้นอนุญาโตตุลาการ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจารณาศาลจังหวัดปทุมธานีพิจารณาแล้ว เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงส่งสำนวนมาให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙
วินิจฉัยว่า กรณีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ หรือนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๕) หรือไม่ในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า ข้อพิพาทตามฟ้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือให้ต้องระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการนั้น ได้ความตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ว่า โจทก์และจำเลยนำข้อพิพาทระหว่างกันเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าข้อพิพาทในการรับประกันสินค้าในคดีนี้
มีบางส่วนที่เกี่ยวพันกับข้อพิพาทที่นำเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่นดังกล่าว
และอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่นมีคำสั่งโดยสรุปว่า ในการรับประกันการซื้อสินค้าจากจำเลยนั้น แบ่งออกเป็นการรับประกันสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดียและสินค้าที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งตามสัญญาแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั้น การรับประกันสินค้าของจำเลยที่เข้าข้อกำหนดในสัญญาที่จะต้องนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ประเทศญี่ปุ่น คือสินค้าที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น มิได้รวมถึงสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดียด้วย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเฉพาะส่วนการรับประกันสินค้าที่ส่งมาจากประเทศอินเดีย ดังนั้น ในชั้นนี้กรณีจึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า ข้อพิพาทในคดีนี้อยู่ในบังคับข้อตกลงที่ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการก่อนหรือไม่ จึงเห็นสมควรวินิจฉัยในเรื่องเขตอำนาจศาลไปได้ โดยเห็นว่า แม้คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระเงินค่ารับประกันสินค้า แต่ก็เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับเงินค่ารับประกันสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างโจทก์กับจำเลย คดีตามฟ้องโจทก์จึงต้องพิจารณา
ถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของคู่สัญญาตามสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อในประเทศไทยและผู้ขายในต่างประเทศ อันเป็นการซื้อขายระหว่างประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขายระหว่างประเทศที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
วินิจฉัย วันที่ ๑๓ เดือน ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นางเมทินี ชโลธร)
ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ
นิภา ชัยเจริญ - ตรวจ