คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 496/2567 บริษัท ท.                                   โจทก์

                                                                  นาย อ. ในฐานะพนักงานตรวจแรงงาน จำเลย

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕41 มาตรา 118 วรรคสอง, 119 วรรคท้าย

         โจทก์ทำหนังสือเลิกจ้างฉบับลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นการเลิกจ้างในวันดังกล่าวตามมาตรา ๑๑๘ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยหนังสือเลิกจ้างระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างว่าเป็นการลงโทษทางวินัยเนื่องจากนาย น. ขาดงานวันที่
๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือน
การกระทำของนาย น. ส่งผลให้ลูกค้ายกเลิกการจ้างงานกับโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของโจทก์ หมวด ๕ หลักเกณฑ์การลาข้อ ๕.๙.๑  ถือได้ว่าหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุ
ที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างครบถ้วนแล้ว และเมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่นาย น.
ไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ ๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ครั้นวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
โจทก์จึงมีหนังสือเลิกจ้างโดยส่งหนังสือทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ไปยังภูมิลำเนานาย น. โดยมีผู้รับหนังสือแทนในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๕ จึงเป็นกรณีที่นาย น. ไม่มาทำงานจนถึง
วันที่โจทก์เลิกจ้าง โจทก์ย่อมไม่สามารถที่จะส่งหนังสือเลิกจ้างให้นาย น. ทราบในวันที่
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ อันเป็นวันที่เลิกจ้างได้ ประกอบกับ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙ มิได้บัญญัติถึงข้อห้าม รวมถึงวิธีการในการที่นายจ้างส่งหนังสือเลิกจ้างแก่ลูกจ้าง
ในกรณีที่ลูกจ้างขาดงานไปหรือไม่ได้เข้ามายังสถานที่ทำงานของนายจ้างเมื่อถูกเลิกจ้างไว้
เป็นการเฉพาะ จึงต้องพิจารณาเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าวที่มีวัตถุประสงค์ที่จะให้นายจ้างปฏิบัติว่านายจ้างมีการระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างในขณะ
ที่เลิกจ้างหรือไม่ หากไม่ได้มีการระบุไว้ นายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้เท่านั้น พฤติการณ์ที่นาย น. ไม่มาทำงานจนถึงวันที่โจทก์มีหนังสือเลิกจ้าง โจทก์จึงส่งหนังสือเลิกจ้าง
ตามภูมิลำเนาทางไปรษณีย์ จะถือว่าโจทก์ไม่ได้แจ้งระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้งเหตุที่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะที่เลิกจ้างไม่ได้ กรณีต้องถือว่าโจทก์มีหนังสือเลิกจ้างโดยมีการระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ตามบทบัญญัติ
มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย โดยชอบแล้ว ส่วนการดำเนินการจัดส่งหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวให้แก่
นาย น. ทราบ เป็นเพียงขั้นตอนกระบวนการเท่านั้น หาถือเป็นข้อสาระสำคัญที่จะทำให้หนังสือ
บอกเลิกจ้างกลับกลายเป็นออกโดยไม่ชอบไม่ คำสั่งของจำเลยเฉพาะในส่วนที่สั่งให้โจทก์
จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยให้แก่นาย น. จึงไม่ชอบ

______________________________

         โจทก์ฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่
๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕

          จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

         ศาลแรงงานภาค ๑ พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการ
และคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เฉพาะในส่วนที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้าง
แทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยให้แก่นายอำนวย

         จำเลยอุทธรณ์  

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานภาค ๑ ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการทำการค้าขนส่งยานพาหนะ อะไหล่และวัสดุอุปกรณ์ของยานพาหนะ ให้บริการงานบริหารจัดการเช่า การขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร มีนายโยชิโนริ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โจทก์มอบให้นายทวีศิลป์ดำเนินคดีแทน
นายอำนวย เป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ตำแหน่งพนักงานขับรถ กำหนดวันเวลาทำงานปกติตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา ๘ นาฬิกา ถึง ๑๗ นาฬิกา โดยบันทึกเวลาเริ่มงาน
และเลิกงานผ่านแอปพลิเคชันที่โจทก์กำหนด ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน
โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากของนายอำนวย ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๑๐,๒๔๐ บาท โจทก์ให้
นายอำนวยปฏิบัติหน้าที่ขับรถให้แก่นายวีระ ผู้บริหารของบริษัท ค. ลูกค้าของโจทก์ โดยรับส่งระหว่างบ้านพักภายในหมู่บ้านภัสสร ๘ ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี กับบริษัทดังกล่าว
ที่ถนนศรีอยุธยา แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
โจทก์มีหนังสือเตือนนายอำนวยเรื่องการลางานโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและขาดงาน ต่อมาโจทก์มีหนังสือฉบับลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เลิกจ้างนายอำนวยอ้างเหตุ
ขาดงานโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลา ๓ วัน กระทำผิดซ้ำคำเตือนและกระทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทำงานโดยให้มีผลทันที และส่งหนังสือฉบับดังกล่าวทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕
ให้แก่นายอำนวยโดยมีผู้รับหนังสือแทนในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๕ โจทก์จ่ายค่าจ้างให้แก่
นายอำนวยคิดคำนวณถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ หลังจากนั้นไม่ได้จ่ายค่าจ้างและไม่ให้
นายอำนวยทำงานต่อไปอีก เป็นการเลิกจ้างในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ภายหลังวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๕
นายอำนวยยื่นคำร้องต่อจำเลยว่าโจทก์เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยสอบสวนแล้วมีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
จังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่
๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ให้โจทก์จ่ายค่าชดเชย ๓๐,๗๒๐ บาท และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑๐,๒๔๐ บาท รวม ๔๐,๙๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ผิดนัดจนกว่า
จะชำระเสร็จ โจทก์ได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ แล้ววินิจฉัยว่า บทบัญญัติ
มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มีวัตถุประสงค์มิให้นายจ้างฉวยโอกาสเอาเปรียบลูกจ้างโดยหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นที่มิได้ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างหรือมิได้แจ้งข้อเท็จจริงนั้นให้ลูกจ้างทราบในขณะแจ้งเจตนาเลิกจ้างด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือต่อลูกจ้างขึ้นกล่าวอ้างในภายหลัง ซึ่งย่อมหมายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุเลิกจ้างนั้นลูกจ้างต้องทราบจากนายจ้างแล้วในวันเลิกจ้าง ไม่ว่านายจ้างจะแจ้งเลิกจ้างด้วยวาจาหรือเลิกจ้างเป็นหนังสือก็ตาม มิฉะนั้นจะกลายเป็นช่องทางให้ลูกจ้างหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธไม่ยอมรับทราบเหตุในการเลิกจ้างแล้วยกขึ้นอ้างในภายหลังว่านายจ้าง
ยังมิได้แจ้งด้วยวาจาให้ทราบข้อเท็จจริงในการเลิกจ้างหรือตนเองยังมิได้ลงลายมือชื่อรับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ในหนังสือเลิกจ้างในวันเลิกจ้างเพื่อต่อสู้ว่าหนังสือเลิกจ้างที่นายจ้างส่งให้ทราบในภายหลัง
ทางไปรษณีย์โดยชอบนั้นระบุเหตุเลิกจ้างขึ้นใหม่ต้องห้ามตามมาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย
แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว หากลูกจ้างยังไม่ทราบข้อเท็จจริงนั้นตั้งแต่วันเลิกจ้างจะถือว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อเท็จจริงอื่นที่ต้องห้ามมิให้นายจ้างหยิบยกขึ้นกล่าวอ้างในภายหลังตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายดังกล่าวมิได้ การที่โจทก์มีหนังสือเลิกจ้างฉบับลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยระบุข้อเท็จจริงในการเลิกจ้างนายอำนวยว่า นายอำนวยขาดงานวันที่ ๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
โดยไม่มีเหตุอันสมควร และกระทำผิดซ้ำคำเตือนอันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหมวด ๕
ข้อ ๕.๙.๑ ซึ่งทำให้โจทก์ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะเหตุนายอำนวยกระทำผิดมาตรา ๑๑๙ (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไว้แล้ว ทั้งโจทก์มีพฤติการณ์จ่ายค่าจ้างให้แก่นายอำนวยถึงเพียงวันที่
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ หลังจากนั้นโจทก์ไม่ให้นายอำนวยทำงานและจ่ายค่าจ้างให้อีก ซึ่งจำเลยก็วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างนายอำนวยในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ แล้ว เมื่อเกิดอุปสรรค
ในการส่งเจตนาเลิกจ้างเป็นหนังสือดังกล่าวให้แก่นายอำนวย เนื่องจากตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นต้นไป นายอำนวยมิได้เข้ามายังบริษัทโจทก์อีก โจทก์จึงส่งหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวให้แก่
นายอำนวยทางไปรษณีย์ มีผลว่านายอำนวยทราบโดยชอบในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๕ ระหว่าง
จำเลยสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ก่อนจำเลยมีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการ
และคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ โดยไม่ปรากฏว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุเลิกจ้างดังที่ระบุในหนังสือเลิกจ้างฉบับที่ส่งให้แก่นายอำนวยทางไปรษณีย์นั้น โจทก์เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ต่างจากข้อเท็จจริงเดิม จึงต้องถือว่านายอำนวยทราบข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุเลิกจ้างที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในหนังสือเลิกจ้างย้อนหลังไปถึงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ จึงมิใช่กรณีที่โจทก์เลิกจ้างนายอำนวยในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ แต่เพิ่งยกข้อเท็จจริงขึ้นเป็นเหตุเลิกจ้างในภายหลังในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ อันเป็นการแจ้ง
เมื่อล่วงเลยเวลามาแล้วดังที่จำเลยวินิจฉัยแต่อย่างใด อีกทั้งพฤติการณ์ของนายอำนวยที่ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ โดยครั้งสุดท้ายเป็นการละทิ้งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นเวลา ๓ วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงเป็นการละทิ้งการงานและทำประการอื่น
อันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต โจทก์จึงมีสิทธิไล่ออกโดยมิพัก
ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา ๕๘๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประกอบมาตรา ๑๗ วรรคสอง และวรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่นายอำนวยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีเหตุให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย และค่าจ้าง
แทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕

            คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า กรณีมีเหตุเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนนทบุรี ที่ ๘๕/๒๕๖๕ เรื่อง ค่าชดเชย
และค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า
ศาลแรงงานภาค ๑ ฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ทำหนังสือเลิกจ้างฉบับลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นการเลิกจ้างในวันดังกล่าวตามมาตรา ๑๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยหนังสือเลิกจ้างระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างว่าเป็นการลงโทษทางวินัยเนื่องจากนายอำนวยขาดงานวันที่ ๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเป็นการกระทำผิดซ้ำ
คำเตือน การกระทำของนายอำนวยส่งผลให้ลูกค้ายกเลิกการจ้างงานกับโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ
ของโจทก์ หมวด ๕ หลักเกณฑ์การลาข้อ ๕.๙.๑ ถือได้ว่าหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวระบุข้อเท็จจริง
อันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างครบถ้วนแล้ว การที่โจทก์ส่งหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวให้นายอำนวยทราบเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ หลังจากวันเลิกจ้างในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ นั้น เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่นายอำนวยไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ ๒๑ ถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ครั้นวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โจทก์จึงมีหนังสือเลิกจ้าง โดยมีการส่งหนังสือเลิกจ้างทางไปรษณีย์
เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ให้แก่นายอำนวยไปยังภูมิลำเนาโดยมีผู้รับหนังสือแทนในวันที่
๒๖ มีนาคม ๒๕๖๕ เป็นกรณีที่นายอำนวยไม่มาทำงานจนถึงวันที่โจทก์เลิกจ้าง โจทก์ย่อมไม่สามารถ
ที่จะส่งหนังสือเลิกจ้างให้แก่นายอำนวยทราบในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ อันเป็นวันที่เลิกจ้างได้ โจทก์จึงจำต้องส่งหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวให้แก่นายอำนวยไปตามภูมิลำเนาทางไปรษณีย์ ซึ่งนายอำนวยได้รับวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๕ โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙
มิได้บัญญัติถึงข้อห้าม รวมถึงวิธีการในการที่นายจ้างส่งหนังสือเลิกจ้างแก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้าง
ขาดงานไปหรือไม่ได้เข้ามายังสถานที่ทำงานของนายจ้างเมื่อถูกเลิกจ้างไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องพิจารณาเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าวที่มีวัตถุประสงค์ที่จะให้นายจ้างปฏิบัติว่านายจ้างมีการระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างในขณะที่เลิกจ้างหรือไม่ หากไม่ได้มีการระบุไว้ นายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้เท่านั้น พฤติการณ์ที่นายอำนวยไม่มาทำงานจนถึงวันที่โจทก์มีหนังสือเลิกจ้าง โจทก์จึงส่งหนังสือเลิกจ้างให้แก่นายอำนวยตามภูมิลำเนาทางไปรษณีย์
กรณีเช่นนี้จะถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้แจ้งระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือ
บอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้งเหตุที่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะที่เลิกจ้างหาได้ไม่ กรณีต้องถือว่าโจทก์มีหนังสือเลิกจ้างโดยมีการระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ตามบทบัญญัติแห่ง
มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยชอบแล้ว
ส่วนการดำเนินการจัดส่งหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวให้แก่นายอำนวยทราบเป็นเพียงขั้นตอนกระบวนการเท่านั้น หาถือเป็นข้อสาระสำคัญที่จะทำให้หนังสือบอกเลิกจ้างกลับกลายเป็นออกโดยไม่ชอบไม่ ดังนี้ คำสั่งของจำเลยที่ ๘๕/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เฉพาะในส่วนที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยให้แก่นายอำนวยจึงไม่ชอบ ที่ศาลแรงงานภาค ๑ พิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน.

(สิทธิชัย ลีลาโสภิต - นาวี สกุลวงศ์ธนา - ภูมิวุฒิ พุทธสุอัตตา)

ฐานุตร เล็กสุภาพ - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ