คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1203/2567    นาย อ.                                โจทก์

                                                                                 นางสาว ป.                                จำเลย

พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 10

            โจทก์สร้างสรรค์งานรีวิวที่เป็นข้อความและภาพถ่ายประกอบรีวิวโดยรับจ้างจากโรงแรมอันเป็นสัญญาจ้างทำของ โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานรีวิวที่เป็นข้อความและภาพถ่ายประกอบการรีวิว ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

______________________________

 

         โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๑๕, ๒๗, ๓1, ๖๒, ๖๔, ๖๙, ๗๐, ๗๘ (ที่ถูก มาตรา 76) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
และสั่งจ่ายค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล
ให้ประทับฟ้องตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27, 69 วรรคสอง (ที่ถูก ข้อหาอื่นให้ยก)

         จำเลยให้การปฏิเสธ

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษายกฟ้อง

         โจทก์อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติว่า โจทก์มีสัญชาติไทย ประกอบอาชีพช่างภาพอิสระ โดยโจทก์เป็นผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์ประเภทศิลปกรรม งานภาพถ่ายหมาย จ.2 ส่วนจำเลยประกอบอาชีพขายบัตรกำนัลโรงแรม (Gift Voucher) ตามวัน เวลา เกิดเหตุ
ตามฟ้องจำเลยเผยแพร่ภาพถ่ายห้องพัก แบบซีวิล พูลวิลล่า ของโรงแรม ด. ซึ่งเป็นภาพที่เหมือน
กับงานภาพถ่ายหมาย จ.๒ ภาพที่ ๗ ของโจทก์ ในเพจเฟซบุ๊กของจำเลยและกลุ่มเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความ
เสนอขายบัตรกำนัลโรงแรม (Gift Voucher) สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
มาตรา ๗๐ ประกอบมาตรา ๓๑ นั้น ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษา
ยกฟ้อง โจทก์ไม่อุทธรณ์ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

         คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์งานภาพถ่ายของโจทก์หมาย จ.๒ แผ่นที่ ๗ ด้วยการทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน
เพื่อการค้าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๗ หรือไม่
เห็นว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดการเจรจาระหว่างโจทก์และนางสาวหรือนางบัว พนักงาน
ของโรงแรม ด. เกี่ยวกับการที่โจทก์รับจ้างรีวิวโรงแรมในคดีนี้โดยใช้ภาพที่โจทก์ถ่ายรูปในระหว่าง
วันที่ ๑๘ ถึง ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ประกอบการรีวิวโฆษณาประชาสัมพันธ์โรงแรม โดยการสนทนา
เริ่มในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ระบุผู้ติดต่อ ชื่อจูน เป็น travel blogger จากเว็บไซต์ของโจทก์
กับนางสาวหรือนางบัวพนักงานของโรงแรมเกี่ยวกับข้อตกลงการรับจ้างรีวิวในครั้งนี้ ซึ่งครั้งแรก
โจทก์เสนอค่าตอบแทนเป็น “3 vouchers barter กับภาพ ๗๐ ภาพ ทั้งคราวที่แล้วกับคราวนี้รวม ๆ กัน...” แต่นางสาวหรือนางบัวต่อรองเป็นค่าตอบแทน “๒ vouchers” และตกลงกันได้ที่ “๕๐ รูป barter ๒ vc” หลังจากนั้นในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ โจทก์ส่งภาพถ่ายที่เหมือนกับภาพพิพาทให้นางสาวหรือนางบัวพร้อมส่งไฟล์ภาพทั้งหมดทำเป็นอัลบั้มส่งให้นางสาวหรือนางบัวเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
โดยภาพถ่ายที่พิพาทเป็นภาพลำดับที่ ๒ ในอัลบั้มดังกล่าว ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่างานสร้างสรรค์ภาพถ่าย
ที่ใช้ในการรีวิวโรงแรม ด. ในครั้งนี้รวมถึงภาพถ่ายที่พิพาท ตามเอกสารหมาย จ.๒ แผ่นที่ ๗ ที่ปรากฏอยู่ในไฟล์อัลบั้มภาพลำดับที่ ๒ ด้วย พฤติการณ์ที่โจทก์รับถ่ายภาพห้องพัก การบริการ และทัศนียภาพ
อันสวยงามของโรงแรม ด. เพื่อประกอบการเขียนรีวิวเผยแพร่ในเพจของโจทก์ และสื่อโซเชียลต่าง ๆ
เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์โรงแรมดังกล่าว โดยโจทก์มิใช่ลูกจ้างของโรงแรม มีอิสระในการสร้างสรรค์
งานภาพถ่ายด้วยอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายของโจทก์โดยไม่อยู่ในการกำกับดูแลของโรงแรม และมีค่าตอบแทน
เมื่องานสำเร็จเป็นบัตรกำนัล (voucher) จำนวน ๒ ใบ อันเป็นค่าห้องพักโรงแรม ค่าอาหารและบริการ อันมีมูลค่าและสามารถนำไปจำหน่ายได้นั้น ฟังได้ว่าโจทก์สร้างสรรค์งานภาพถ่ายซึ่งรวมถึงภาพถ่ายพิพาทหมาย จ. ๒ แผ่นที่ ๗ โดยการรับจ้างโรงแรม ด. ซึ่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๑๐ บัญญัติว่า “งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น” ข้อที่โจทก์อ้างว่าตกลงกับนางสาว
หรือนางบัวพนักงานของโรงแรม ด. ว่า ภาพที่โจทก์ถ่ายในวันที่เข้าพักในโรงแรมเป็นลิขสิทธิ์
ของโจทก์เพียงผู้เดียวนั้น เป็นข้อกล่าวอ้างของโจทก์เพียงผู้เดียว ประกอบกับนางสาวหรือนางบัว
เป็นเพียงพนักงานของโรงแรม ไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจกระทำการแทนโรงแรมแต่อย่างใด ข้ออ้างของโจทก์
จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าการรับจ้างรีวิวโรงแรม ด. ไม่มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานรีวิวที่เป็นข้อความและภาพถ่ายประกอบรีวิวซึ่งรวมถึงภาพถ่ายพิพาทตามหมาย จ.๒ แผ่นที่ ๗ ด้วย โจทก์มิใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์อื่นของโจทก์เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์
ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน.

(รุ่งระวี โสขุมา – มนตรี ศิลป์มหาบัณฑิต – สุวิทย์ รัตนสุคนธ์)

สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ

กลอน รักษา - ตรวจ