คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1655/2564

บริษัทลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)                      โจทก์

บริษัทไอโอนิค โลจีสติกส์ จำกัด      จำเลย

 

ป.พ.พ. มาตรา 379

        ข้อความตามเอกสารเป็นเพียงข้อความที่แสดงว่าโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
เพื่อความเสียหายและค่าเสียหายต่าง ๆ เท่านั้น ไม่ได้ตกลงสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่ง
เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือฝ่าฝืนมูลหนี้ อันจะถือว่าเป็นข้อตกลงเบี้ยปรับตามความหมายของมาตรา ๓๗๙ แห่ง ป.พ.พ. เพราะไม่ว่าจะมีข้อความดังกล่าวหรือไม่ จำเลยก็ยังคงต้องรับผิด
ในความเสียหายเนื่องจากการปฏิบัติผิดสัญญาอยู่แล้ว ข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นข้อตกลงเบี้ยปรับ

_____________________________

         โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๘๘,๖๑๓.๐๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๔๖๔,๖๔๘.๖๔ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๕๗,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ
เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ๒,๐๐๐ บาท

         โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๖๐
โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขนส่งสินค้าจำพวก food stuff bean snack บรรจุในกล่อง ๖๔๙ กล่อง
จากท่าเรือแหลมฉบังในประเทศไทยไปยังท่าเรือเมืองทาโคม่า มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และขนส่งต่อไปส่งมอบแก่เมียนมาร์ โฮล ที่เมืองมินนีแอโพลิส มลรัฐมินนิโซตา โดยตกลงเงื่อนไข
การขนส่งแบบ CY/CY รายละเอียดของสินค้าเป็นไปตามสำเนาใบกำกับสินค้าและใบรายการบรรจุสินค้า (Invoice & Packing List) หลังจากนั้น โจทก์ติดต่อว่าจ้างสายการเดินเรือ OOCL ให้เป็นผู้ขนส่ง
อีกทอดหนึ่ง โจทก์ได้จัดทำใบยืนยันการจองระวางเรือ (Booking Confirmation) ส่งให้จำเลย เพื่อให้จำเลยติดต่อขอรับตู้สินค้าเปล่าไปบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเอง แล้วนำตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าแล้วไปส่งมอบแก่สายการเดินเรือดังกล่าว เมื่อจำเลยนำตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าแล้วไปส่งมอบแก่สายการเดินเรือแล้ว โจทก์ได้ออกใบตราส่งให้แก่จำเลยไว้ ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ตราส่ง และ Myanmar Whole เป็นผู้รับตราส่ง ตามสำเนาใบตราส่ง แผ่นที่ ๑ และสายการเดินเรือ OOCL ได้ออกใบตราส่งให้แก่โจทก์ ระบุชื่อโจทก์
เป็นผู้ตราส่ง และกรีนเวิลด์ ตัวแทนโจทก์ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้รับตราส่ง ตามสำเนาใบตราส่ง แผ่นที่ ๒ สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดยมีจำเลยเป็นผู้ตราส่ง โจทก์เป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง และสายการเดินเรือ OOCL เป็นผู้ขนส่ง ก่อนที่เรือสินค้าจะถึงท่าเรือทาโคม่า ตัวแทนโจทก์มีหนังสือแจ้งให้ Myanmar Whole ผู้รับตราส่งทราบ ตามสำเนาหนังสือแจ้ง (Arrival Notice) เมื่อสินค้าขนส่งถึงท่าเรือเมืองทาโคม่าเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เจ้าพนักงานศุลกากรได้กักสินค้าและตู้สินค้าไว้ เนื่องจากสินค้าในตู้สินค้าไม่ตรงตามที่สำแดง และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว หลังจากนั้น วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๐ ฝ่ายจำเลยร้องขอให้เปลี่ยนแปลงจุดหมายปลายทางสำหรับการขนส่งของสายการเดินเรือ OOCL จากเมืองมินนีแอโพลิส เป็นเมืองทาโคม่า
ตามสำเนาคำขอเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง แผ่นที่ ๒ วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ โจทก์มีหนังสือ
ถึงจำเลยทวงถามให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน ๖๙๔,๔๒๔.๑๒ บาท ตามสำเนาหนังสือทวงถามและสำเนาใบตอบรับ EMS ในประเทศ ต่อมาวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ โจทก์ได้จ่ายเงินแก่ Green World
โดยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร โดยใช้เงินไทยชำระตามอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒.๘๓๖๘๕๔ บาท เป็นเงินไทยจำนวน ๔๖๔,๔๙๘.๖๔ บาท รวมกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อีก ๑๕๐ บาท รวมจำนวน ๔๖๔,๖๔๘.๖๔ บาท ตามสำเนาใบเสร็จรับเงินของธนาคาร และสิทธิเรียกร้องตามคำฟ้อง
ของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

         คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบอันเป็นเหตุให้ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ตามอุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่า สินค้าที่ขนส่ง
ซึ่งบรรจุอยู่ในตู้สินค้าถูกต้องตรงตามเอกสารที่จำเลยจัดทำหรือแจ้งไว้ดังที่จำเลยให้การไว้ แต่อุทธรณ์ว่า
การที่สินค้าที่ขนส่งถูกกักอาจเป็นเพราะผู้ประสานงานของโจทก์ไม่เข้าใจเกี่ยวกับสินค้าของจำเลย
และขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อสินค้าถูกกัก จึงไม่สามารถอธิบายต่อเจ้าพนักงานศุลกากรได้ ซึ่งสินค้า
ที่ถูกกักไว้เพื่อตรวจสอบก็เป็นเรื่องธรรมดาตามมาตรฐานแต่ละประเทศที่กำหนดไว้ เห็นว่า
ตามพระราชบัญญัติการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติ
ถึงหน้าที่และความรับผิดของผู้ตราส่งว่า “เมื่อผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้รับมอบของจากผู้ตราส่งหรือจากบุคคลอื่นในนามผู้ตราส่งไว้แล้ว ให้ถือว่า ผู้ตราส่งได้รับรองความถูกต้องในรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสภาพแห่งของ เครื่องหมาย เลขหมาย น้ำหนัก ปริมาตร และปริมาณแห่งของที่ขนส่งนั้น ตลอดจนลักษณะอันตรายแห่งของที่ตนได้แจ้งไว้แก่ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องหรือจัดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง…” และในวรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้ามีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น
เนื่องจากการแจ้งข้อความไม่ถูกต้องตรงตามรายละเอียดตามวรรคหนึ่งที่ผู้ตราส่งได้แจ้งไว้หรือจัดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องเพื่อบันทึกไว้ในใบตราส่งต่อเนื่อง ผู้ตราส่งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
ให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง แม้ว่าผู้ตราส่งจะได้โอนใบตราส่งต่อเนื่องนั้นให้แก่บุคคลภายนอก
ไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องยังคงต้องรับผิดตามสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบต่อบุคคลภายนอกนั้น” เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าโดยตกลงเงื่อนไขการขนส่งแบบ CY/CY และในใบตราส่งระบุว่า shipper’s load and count หมายถึง ผู้ตราส่ง
เป็นผู้บรรจุและตรวจนับสินค้า จำเลยย่อมเป็นผู้มีหน้าที่บรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเอง แล้วนำตู้สินค้า
ที่บรรจุสินค้าแล้วไปส่งมอบแก่โจทก์หรือสายการเดินเรือ OOCL ผู้ที่โจทก์ใช้บริการในการขนส่ง ดังนี้ สินค้าที่ขนส่งซึ่งบรรจุอยู่ในตู้สินค้าแท้จริงแล้วจะเป็นสินค้าประเภทใด มีจำนวนและน้ำหนักเท่าใด
ย่อมอยู่ในความรู้เห็นของจำเลยทั้งสิ้น โดยโจทก์ สายการเดินเรือ OOCL และ Green World ตัวแทนโจทก์
ไม่อาจทราบได้ว่าสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้สินค้าตรงตามตามที่ปรากฏในใบกำกับสินค้าและใบรายการบรรจุหีบห่อที่ระบุชนิดหรือประเภทของสินค้า จำนวน น้ำหนัก และราคาสินค้า รวมทั้งรายการบรรจุหีบห่อ และเอกสารอื่นที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ตราส่งเป็นผู้จัดทำหรือไม่ จำเลยในฐานะผู้ตราส่งย่อมมีหน้าที่จัดทำเอกสารระบุรายการสินค้าให้ตรงกับสินค้าที่ส่งมอบให้ขนส่ง เพื่อให้โจทก์หรือตัวแทนโจทก์ได้ดำเนิน
พิธีการศุลกากรที่ท่าเรือเมืองทาโคม่า การที่สินค้าที่ขนส่งซึ่งจำเลยเป็นผู้บรรจุเข้าตู้สินค้าไม่ตรง
กับรายการเอกสารที่สำแดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากรที่ท่าเรือเมืองทาโคม่าเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตราส่งตามสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบตามมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง ดังกล่าว ถือว่าจำเลย
เป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อสินค้าที่ขนส่งรวมทั้งตู้สินค้าถูกเจ้าพนักงานศุลกากรกักไว้ด้วยเหตุดังกล่าว ดังนั้น หากโจทก์ต้องได้รับความเสียหายเนื่องจากการผิดสัญญาของจำเลยดังกล่าว จำเลยย่อม
ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ตามมาตรา ๑๖ วรรคสอง ที่จำเลยอุทธรณ์ทำนองว่า จำเลยมีหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยเคยว่าจ้างผู้ขนส่งรายอื่นขนส่งสินค้าเช่นเดียวกันนี้แต่ไม่มีปัญหา แสดงว่าตัวแทนโจทก์มีปัญหาในการประสานงานกับเจ้าพนักงานศุลกากรนั้น ก็เห็นว่า การขนส่งสินค้าเที่ยวอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าในคดีนี้ และไม่ปรากฏว่ามีปัญหาว่ารายการสินค้าที่สำแดงไม่ตรงกับสินค้าที่ขนส่งเช่นเดียวกับการขนส่งสินค้าในคดีนี้ จึงไม่อาจนำมาใช้อ้างได้ ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยเพิ่งได้รับเอกสารแจ้งกักและควบคุมสินค้า เอกสารหมาย จ.๙ แผ่นที่ ๓ และที่ ๔ จากโจทก์
ก่อนวันสืบพยาน ๗ วัน และโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือแจ้งการยึดและแจ้งข้อมูลแก่ผู้อ้างสิทธิ์
เอกสารหมาย จ.๑๔ ให้จำเลยล่วงหน้าตามกฎหมาย ทั้งก่อนหน้านี้โจทก์ก็ไม่เคยส่งเอกสารเหล่านี้
ให้จำเลย จึงไม่อาจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้นั้น เห็นว่า ทั้งเอกสารหมาย จ.๙ และ จ.๑๔ ที่มีข้อความระบุว่าเป็นเอกสารที่ทำโดยเจ้าพนักงานศุลกากรของประเทศสหรัฐอเมริกาและมีเนื้อหาระบุถึงรายการสินค้าที่สำแดงเท็จและมีการกักสินค้า แม้หากจะฟังว่าโจทก์ไม่ได้ส่งเอกสารดังกล่าวให้จำเลยมาก่อนดังที่จำเลยกล่าวอ้าง แต่จำเลยก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าข้อความในเอกสารนั้นไม่ถูกต้องตรงตามความจริงแต่อย่างใด หรือยืนยันว่าสินค้าถูกต้องตรงรายการสินค้าที่จำเลยแจ้ง ทั้งที่จำเลยเป็นผู้ทราบดีอยู่แล้วว่าสินค้าในตู้สินค้าเป็นสินค้าอะไรบ้าง นอกจากนี้ ในคำให้การของจำเลยก็ได้ระบุว่า ผู้รับตราส่งไม่ได้เพิกเฉย แต่เนื่องจากผู้รับตราส่งมีปัญหาการฟ้องร้องคดีในประเทศนั้น จึงไม่อาจรับสินค้าได้ อย่างไรก็ตาม จำเลยก็ได้ติดต่อประสานงานโดยมิได้นิ่งนอนใจเลยทั้งมีการติดต่อกับโจทก์ต่อเนื่องตลอดเวลา แสดงว่า จำเลยย่อมทราบดีถึงปัญหาและสาเหตุที่สินค้าที่ขนส่งถูกกักแล้ว และสาเหตุเกิดจากความผิดของจำเลยหรือฝ่ายจำเลยเอง ไม่ได้เกิดจากความผิดของตัวแทนโจทก์ตามที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างใด เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ อุทธรณ์
ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น

         คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
มีเพียงใด เห็นว่า ตามสำเนาใบตราส่ง ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้ออกให้แก่จำเลย
ในฐานะผู้ตราส่ง และถือเป็นหลักฐานแห่งสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบมีข้อความระบุว่า freight prepaid ประกอบกับตามต้นฉบับใบเสร็จรับเงิน ซึ่งโจทก์ออกให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ก็มีข้อความระบุชัดเจนว่า จำเลยได้ชำระค่าระวางการขนส่งแล้ว แสดงว่าจำเลยได้ชำระค่าระวาง
การขนส่งแก่โจทก์แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นได้ว่าค่าขนส่งที่โจทก์อ้างว่าต้องชำระเพิ่มเติม
แก่ตัวแทนโจทก์เป็นค่าขนส่งที่จำเลยต้องรับผิดชำระแก่โจทก์อย่างไร จึงไม่สมควรให้จำเลยต้องรับผิด
ในส่วนนี้ แต่ในส่วนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า ความรับผิดของจำเลยเข้ากรณีค่าเสียหายที่ยอมรับผิดเอาไว้ล่วงหน้าตามข้อความที่ระบุไว้ในหมายเหตุในใบยืนยันการจองระวางเรือและใบตราส่งต่อเนื่อง ถือเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน สมควรลดลงเหลือ ๒๕๗,๐๐๐ บาท นั้น เห็นว่า ข้อความตามเอกสารดังกล่าว เป็นเพียงข้อความแสดงว่าโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพื่อความเสียหายและค่าเสียหายต่าง ๆ เท่านั้น ไม่ได้ตกลงสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อจำเลย
ไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือฝ่าฝืนมูลหนี้ อันจะถือว่าเป็นข้อตกลงเบี้ยปรับตามความหมายของมาตรา ๓๗๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะไม่ว่าจะมีข้อความดังกล่าวหรือไม่ จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดในความเสียหายเนื่องจากการปฏิบัติผิดสัญญาอยู่แล้ว ข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นข้อตกลงเบี้ยปรับ อย่างไรก็ตาม โจทก์ย่อมมีหน้าที่พิสูจน์ว่าตนได้รับความเสียหายเพียงใด ซึ่งตามพยานหลักฐานของโจทก์ตามสำเนาใบเสร็จ สำเนาใบแจ้งหนี้ ประกอบกับคำเบิกความของพยานโจทก์ รับฟังได้ว่า โจทก์ชำระค่าเก็บรักษาตู้สินค้าและค่าคืนตู้สินค้าเปล่าล่าช้าแก่ตัวแทนโจทก์ซึ่งต้องชำระแก่
สายการเดินเรือ OOCL เป็นจำนวน ๒,๐๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ และจำนวน ๗,๗๔๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ รวมเป็นจำนวน ๙,๗๙๐ ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒.๘๓๖๘๕๔ บาท เป็นจำนวน ๓๒๑,๔๗๒.๘๐ บาท กับค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการชำระเงินอีก ๑๕๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๓๒๑,๖๒๒.๘๐ บาท จึงสมควรกำหนดจำเลยต้องรับผิดชำระค่าเสียหายจำนวนนี้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้ชำระเงินไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน

         อนึ่ง ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ออกมาใช้บังคับ โดยมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๒๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้ใช้ความใหม่แทน เป็นผลให้ดอกเบี้ยผิดนัดปรับเปลี่ยนจากอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่อาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๗
ที่แก้ไขใหม่ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี ตามมาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ มาใช้แก่
การคิดดอกเบี้ยผิดนัดที่ถึงกำหนดชำระหนี้ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับในวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบี้ยในระหว่างช่วงเวลาก่อนที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ ดังนั้น
จึงให้ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่ถึงกำหนดชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ ในอัตราใหม่ และเรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวดัวยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๙ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๖ และมาตรา ๑๔๒ (๕)

         พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๓๒๑,๖๒๒.๘๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป จนถึงวันที่
๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป หรืออัตราดอกเบี้ยอื่นที่อาจปรับเปลี่ยนไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ มาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามที่โจทก์ขอ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไปเกินจำนวน ๒๓,๙๖๔.๔๑ บาท ตามที่โจทก์ขอด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

(ตุล  เมฆยงค์ – สุรพล  คงลาภ – คมน์ทนงชัย  ฉายไพโรจน์)

 

สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ

นิภา  ชัยเจริญ - ตรวจ

 

หมายเหตุ   คดีถึงที่สุด