คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1334/2564 

ธนาคารทหารไทย จํากัด (มหาชน) โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จํากัด ผู้เข้าสวมสิทธิ เป็นคู่ความแทน                 โจทก์

บริษัทอีส จีโอ – ซิสเต็มส์ จำกัด กับพวก                          จำเลย

 

ป.วิ.พ. มาตรา 275 (เดิม), 276 (เดิม), 296 วรรคหนึ่ง (เดิม)

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539
มาตรา 26

          คําขอออกหมายบังคับคดีดังกล่าวได้ระบุชัดแจ้งถึงคําพิพากษาที่จะขอให้มีการบังคับคดี จํานวนหนี้ที่ยังมิได้รับชําระรวมถึงวิธีการบังคับคดีตามที่ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๕ (เดิม) กำหนดไว้ และยังมีหนี้ที่จำเลยทั้งสี่ค้างชำระอยู่แก่โจทก์เต็มจำนวนตามคำพิพากษา การออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๖ (เดิม) มิใช่การออกหมายบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษา
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม)

          ส่วนที่จำเลยที่ ๓ อ้างมาในคำร้องว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว
แม้เป็นความจริงก็เป็นการชำระหนี้ภายหลังจากที่ศาลได้ออกหมายบังคับคดีโดยชอบแล้ว จึงไม่มีผลทำให้การออกหมายบังคับคดีโดยชอบกลายเป็นการออกหมายบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ
แห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาอันเป็นเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดี
ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) ได้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ มีหนี้ตามคำพิพากษาที่ต้องบังคับตามหมายบังคับคดีต่อไปหรือไม่ เพียงใด เพราะถึงจะได้ความดังกล่าวศาลก็จะเพิกถอนหมายบังคับคดีตามที่จำเลยที่ ๓ อ้างไม่ได้อยู่แล้ว

____________________________

         คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ โจทก์ขอให้
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการยึด
หรืออายัดทรัพย์ของจําเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ และวันที่
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ออก
หมายบังคับคดีจำเลยที่ ๓

         ต่อมาวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 จําเลยที่ ๓ ยื่นคําร้องขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี        โจทก์คัดค้าน

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนแล้วมีคําสั่งยกคําร้อง      จําเลยที่ ๓ อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
วินิจฉัยว่า ที่จําเลยที่ ๓ อุทธรณ์ว่า การขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีนั้น มิได้จำกัดไว้แต่เพียงว่า
การออกหมายบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) เท่านั้น แต่หากมีเหตุที่ไม่ต้องบังคับคดีตามหมายบังคับคดีที่ศาลออกอีกต่อไป ศาลก็สามารถมีคำสั่ง
เพิกถอนหมายบังคับคดีได้ เมื่อจำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องอ้างว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ขอให้บังคับคดีนั้นครบถ้วนแล้ว ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางต้องไต่สวนให้ได้ความว่ามีหนี้ตามคำพิพากษาที่ต้องบังคับตามหมายบังคับคดีต่อไปหรือไม่เพียงใด แต่ศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกลับมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๓ โดยอ้างว่าไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณา
คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) โดยไม่ได้วินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว
จึงไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๕ (เดิม) บัญญัติว่า
“ถ้าเจ้าหนี้ตามคําพิพากษาจะขอให้บังคับคดี ให้ยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่อศาลเพื่อให้ออกหมายบังคับคดี...คําขอนั้นให้ระบุโดยชัดแจ้ง (๑) คําพิพากษาหรือคําสั่งซึ่งจะขอให้มีการบังคับคดีตามนั้น  (๒) จํานวนที่ยังมิได้รับชําระตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น (๓) วิธีการบังคับคดีซึ่งขอให้ออกหมายนั้น” ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๖ (เดิม) บัญญัติว่า “ถ้าศาลเห็นว่า...คําขอนั้นมีข้อความระบุไว้ครบถ้วน ให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้ทันที” และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) บัญญัติว่า “ในกรณีที่...หมายบังคับคดี...ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้...ให้ศาล
มีอํานาจที่จะสั่งเพิกถอน...”คดีนี้ หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ขอให้ออกคำบังคับและส่งคำบังคับให้แก่จำเลยทั้งสี่โดยชอบแล้ว ต่อมาโจทก์ขอออกหมายบังคับคดี คําขอออกหมายบังคับคดีดังกล่าวได้ระบุชัดแจ้งถึงคําพิพากษาที่จะขอให้
มีการบังคับคดี จํานวนหนี้ที่ยังมิได้รับชําระรวมถึงวิธีการบังคับคดีตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๗๕ (เดิม) กำหนดไว้ โดยข้อเท็จจริงได้ความด้วยว่า ในขณะที่โจทก์ขอออกหมายบังคับคดี
และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดีนี้ ยังมีหนี้
ที่จำเลยทั้งสี่ค้างชำระอยู่แก่โจทก์เต็มจำนวนตามคำพิพากษา การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๗๖ (เดิม) มิใช่การออกหมายบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดี
ตามคำพิพากษา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) ส่วนที่จำเลยที่ ๓ อ้างมา
ในคำร้องว่า ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว ก็เป็นเรื่อง
ที่จำเลยที่ 3 จะต้องร้องขอให้ถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 296 วรรคสอง (เดิม) หาใช่เป็นเหตุที่จะมาร้องขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีที่ออกมาโดยชอบแล้วไม่ ดังนั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าตามคำร้องของจำเลยที่ 3 ไม่ปรากฏว่าหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาและยกคำร้องของจำเลยที่ ๓ โดยไม่ได้วินิจฉัยว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้วหรือไม่
จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

(ธารทิพย์  จงจักรพันธ์ - วราคมน์  เลี้ยงพันธุ์ - วิวัฒน์  วงศกิตติรักษ์)

 

สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ

นิภา  ชัยเจริญ - ตรวจ