คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นาง ค. โจทก์
ที่ วยช 76/2567 นาย ส. จำเลย
พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะและความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกันตาม ป.พ.พ. ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ และในบรรพ ๖ มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับ
กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ย่อมถือเป็นคดีครอบครัว
ตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทอ้างว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าและที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์
กับจำเลย จึงเป็นกรณีมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาอันเนื่องมาจากการหย่า
โดยความยินยอม ซึ่งจะต้องบังคับตาม ป.พ.พ. บรรพ 5 มาตรา 1532 และ 153๓ คดีนี้จึงเป็น
คดีครอบครัวตาม พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา ๑๐ (๓) คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่
1 กรกฎาคม 2535 มีบุตรด้วยกันสามคน คือ นางสาว ช. นาย ศ. และนาย อ. ระหว่างสมรสซื้อที่ดิน
3 แปลง คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 11048 ตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ที่ดินโฉนด
เลขที่ 23091 ตำบลขวาวใหญ่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ และที่ดินโฉนดเลขที่ 67577
ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
เพียงผู้เดียว ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 โจทก์และจำเลยจดทะเบียนหย่าโดยตกลงทำบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าจัดการเกี่ยวกับสินสมรส ให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11048 และ 23091 เป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรทั้งสามคนคนละส่วนเท่า ๆ กัน และให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 67577 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง
เป็นกรรมสิทธิ์ของนาย อ. ต่อมาจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยากับนาง ร. จากนั้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 โจทก์พบว่ามีนายหน้าตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้ประกาศขายที่ดินโฉนดเลขที่ 67577
พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ตกลงยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนาย อ. โจทก์เกรงว่าจำเลยจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า โดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ให้แก่ผู้ซื้อ และจะจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 11048 และ 23091 ให้แก่นาง ร.
โดยเสน่หา หรือจะทำการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนในที่ดินสามแปลงดังกล่าว โจทก์จึงแจ้งให้จำเลย
จดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมในที่ดินทั้งสามแปลง แต่จำเลยไม่ยินยอม การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทำให้ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยดำเนินการจดทะเบียน
ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 11048 ตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 23091 ตำบลขวาวใหญ่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ และที่ดินโฉนดเลขที่ 67577 ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอา
คำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุรินทร์เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้
อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธาน
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณา
คดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๑
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “คดีครอบครัว” หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ดังนั้น คดีที่เกี่ยวด้วยการสมรส สิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา บิดามารดาและบุตรไม่ว่าในทางใด
ซึ่งพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ทั้งหมด คดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ
และความสามารถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในบรรพ ๑ มาตรา ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔
และในบรรพ ๖ มาตรา ๑๖๑๐, ๑๖๑๑, ๑๖๘๗ และ ๑๖๙๒ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วย
การจดทะเบียนครอบครัวหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ย่อมถือเป็นคดีครอบครัว
ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓) สภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับตามคำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้อง
ขอแบ่งที่ดินพิพาท อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าและที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงเป็นกรณีมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาอันเนื่องมาจาก
การหย่าโดยความยินยอม ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5
มาตรา 1532 และ 153๓ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖7
ประกอบ ลีนะเปสนันท์
(นายประกอบ ลีนะเปสนันท์)
ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
อิศศรี สุทธิบดี - ย่อ
สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ