Print
Category: 2560
Hits: 1097

คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วทป 37/2560 

                                      บริษัทมิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด                             โจทก์

                                      บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)                                  จำเลย

 

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (5), ๙

 

         คําฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าจําเลยรับจ้างขนส่งสินค้าจากผู้ส่งบริษัทนิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จํากัด ไปยังผู้ซื้อหรือผู้รับตราส่งบริษัทเอ็นอีซี แพลทฟอมส์ จํากัด ซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และพนักงานของจําเลยประมาทเลินเล่อทําให้สินค้า ๒ กล่อง ได้รับความเสียหาย ส่วนจําเลยให้การปฏิเสธว่า สินค้าพิพาททั้งสองกล่องไม่ได้เสียหายระหว่างอยู่ในความรับผิดชอบของจําเลย มีสินค้าเพียง ๗ กล่อง ที่จําเลยรับไว้เพื่อขนส่งทางอากาศ ผู้ส่งและบริษัทเอ็นอีซี
แพลทฟอมส์ ไทย จํากัด ผู้ขายซึ่งเป็นผู้ตราส่งและผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ต้องรับผิด และยกข้อต่อสู้ถึงข้อจํากัดความรับผิดของจําเลยผู้ขนส่ง โจทก์จึงไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องไล่เบี้ยเอากับจําเลยได้ คดีนี้ จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า จําเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ส่งในฐานะที่เป็น
ผู้ขนส่งตามสัญญาขนส่งทางอากาศ (Air Waybill) โดยมีข้อจํากัดความรับผิดต่อโจทก์ผู้รับประกันภัย
ที่เข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยได้หรือไม่ เพียงใดอันเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ
และหน้าที่ระหว่างจําเลย ผู้ขนส่งกับผู้ส่ง ตามสัญญารับขนที่ผู้ส่งมีต่อผู้ขายซึ่งเป็นผู้ตราส่ง
และผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยว่า โจทก์จะรับช่วงสิทธิจากผู้ขายซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยมาไล่เบี้ยกับจําเลยได้หรือไม่ เมื่อการรับขนสินค้าตามฟ้องเป็นการขนส่งจากประเทศไทย
ไปยังต่างประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย ที่อยู่
ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยสินค้าประเภทชุดโทรศัพท์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอื่น ๆ ทั้งหมดที่จะส่งออก ภายใต้ข้อกําหนดการซื้อขายแบบเอฟโอบี, ซีแอนด์เอฟ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยคุ้มครองสินค้าเริ่มจากสินค้าขนส่งออกจากโรงงานของผู้ขาย บริษัทเอ็นอีซี แพลทฟอมส์ ไทย จํากัด ตําบลคลองหนึ่ง อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ไปสิ้นสุดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนถึงสินค้าขนถ่ายขึ้นเครื่องบินแล้ว โจทก์รับประกันภัยวงเงิน ๕,000,000,000 บาท ประเภทรับเสี่ยงภัยทุกชนิด เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ผู้ขายขายสินค้าชุดโทรศัพท์และแผงวงจร
ในตู้ชุมสายโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อบริษัทเอ็นอีซี แพลทฟอมส์ จํากัด ซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น รวม ๙ กล่อง
ในราคา เอฟโอบี สุวรรณภูมิ เป็นเงิน ๔๗,๙๕๓.๔๘ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ขายมอบหมายให้ผู้ส่ง
บริษัทนิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จํากัด ขนสินค้าดังกล่าว จากโรงงาน
ของผู้ขายไปส่งมอบยังคลังสินค้าของจําเลยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขนถ่ายสินค้าขึ้นเครื่องบิน โดยผู้ส่งว่าจ้างจําเลยขนส่งอีกทอด ก่อนนําสินค้าบรรทุกเครื่องบินของจําเลย พนักงานของจําเลยจะต้องนําสินค้าทั้งหมดผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ที่คลังสินค้าของจําเลย ด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจาก
ความระมัดระวัง พนักงานจําเลยไม่นํากล่องสินค้าวางเรียงบนสายพาน แต่กลับวางกล่องซ้อนกัน
เป็นเหตุให้กล่องสินค้า ๒ กล่อง ไปชนกับขอบม่านพลาสติก และกล่องสินค้าทั้งสองตกลงมากระแทก
กับพื้นคอนกรีตได้รับความเสียหาย บุบ จึงถูกส่งกลับมายังโรงงานของผู้ขาย เพื่อตรวจสอบความเสียหาย รวม ๑๓,๕๑๗.๖8 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมใบรายงานความเสียหายจากพนักงานจําเลยเป็นหลักฐาน
สินค้าทั้งสองกล่องได้รับความเสียหายทั้งหมดไม่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้หรือใช้งาน ตามปกติได้ ผู้ขายได้เรียกร้องค่าเสียหายไปยังจําเลย จําเลยไม่ยอมชดใช้ให้ ผู้ขายจึงเรียกร้องมายังโจทก์ตามสัญญาประกันภัยคิดเป็นเงิน ๔๗๔,๔๗๐.๕๗ บาท (ดอลลาร์ละ ๓๕.๑๐ บาท) เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ โจทก์จึงได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจํานวนดังกล่าวแก่ผู้ขายไป ขอให้จําเลยชําระเงิน ๔๗๖,๖๑๖.๔๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๔๗๔,๔๗๐.๕๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชําระเสร็จแก่โจทก์

         จําเลยให้การว่า คดีนี้มีมูลเหตุพิพาทมาจากสัญญารับขนของทางอากาศระหว่างประเทศ
อยู่ในอํานาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง สินค้าพิพาทไม่ได้รับ
ความเสียหายระหว่างอยู่ในความดูแลรักษาของจําเลย พนักงานจําเลยไม่มีหน้าที่นําสินค้าที่จะขนส่ง
ทางอากาศลําเลียงเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ เจ้าของสินค้าหรือผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ส่งเป็นผู้นําสินค้า
วางเรียงบนเครื่องเอ็กซเรย์จึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสินค้าเอง จึงมีสินค้าเพียง
7 กล่อง เท่านั้นที่จําเลยยอมรับไว้เพื่อทําการขนส่งทางอากาศต่อไป ส่วนสินค้าพิพาททั้งสองกล่อง
ยังไม่ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์จึงยังไม่อยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของจําเลย ผู้ส่งต้องรับผิดต่อโจทก์
ตามฟ้องไม่ใช่จําเลย โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอํานาจฟ้อง ผู้ขายหรือผู้ตราส่งซึ่งเป็น
ผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ไม่ใช้วัสดุห่อหุ้มสินค้าที่มีประสิทธิภาพดีและเหมาะสม สําหรับป้องกัน
การกระแทกหรือความเสียหายต่อสินค้าที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง จําเลยจึงไม่ต้องรับผิด
จากการใช้บรรจุภัณฑ์และการหีบห่อที่ไม่เหมาะสมของผู้ขาย ความเสียหายเกิดขึ้นขณะที่สินค้า
อยู่ในท่าอากาศยานก่อนเข้าเครื่องเอ็กซเรย์และก่อนส่งมอบให้จําเลย โจทก์ไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิ
จากผู้ขายซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยมาฟ้องไล่เบี้ยกับจําเลยได้ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาสูงเกินจริง โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายสําหรับสินค้าพิพาทไม่เกินกว่าจํานวนเงินจํากัดความรับผิด ๔๗,๐๕๐.๐๘ บาท ขอให้ยกฟ้อง

         ในชั้นชี้สองสถาน ศาลแพ่งเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงให้รอการพิจารณาพิพากษาไว้ชั่วคราวแล้วเสนอปัญหาดังกล่าวให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙

         พิเคราะห์แล้ว กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัยและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องตามมาตรา ๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่า คําฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าจําเลยรับจ้างขนส่งสินค้าจากผู้ส่ง
บริษัทนิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จํากัด ไปยังผู้ซื้อหรือผู้รับตราส่ง
บริษัทเอ็นอีซี แพลทฟอมส์ จํากัด ซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และพนักงานของจําเลยประมาทเลินเล่อ
ทําให้สินค้า ๒ กล่อง ได้รับความเสียหาย ส่วนจําเลยให้การปฏิเสธว่า สินค้าพิพาททั้งสองกล่อง
ไม่ได้เสียหายระหว่างอยู่ในความรับผิดชอบของจําเลย มีสินค้าเพียง ๗ กล่อง ที่จําเลยรับไว้เพื่อขนส่ง
ทางอากาศ ผู้ส่งและบริษัทเอ็นอีซี แพลทฟอมส์ ไทย จํากัด ผู้ขายซึ่งเป็นผู้ตราส่งและผู้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ต้องรับผิด และยกข้อต่อสู้ถึงข้อจํากัดความรับผิดของจําเลยผู้ขนส่ง โจทก์จึงไม่อาจเข้ารับ
ช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องไล่เบี้ยเอากับจําเลยได้ คดีนี้จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า
จําเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ส่งในฐานะที่เป็นผู้ขนส่งตามสัญญาขนส่งทางอากาศ (Air Waybill)
โดยมีข้อจํากัดความรับผิดต่อโจทก์ผู้รับประกันภัยที่เข้ารับช่วงสิทธิ จากผู้เอาประกันภัยได้หรือไม่ เพียงใด อันเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างจําเลย ผู้ขนส่งกับผู้ส่งตามสัญญารับขน
ที่ผู้ส่งมีต่อผู้ขายซึ่งเป็นผู้ตราส่งและผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยว่า โจทก์จะรับช่วงสิทธิ
จากผู้ขายซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยมาไล่เบี้ยกับจําเลยได้หรือไม่ เมื่อการรับขนสินค้าตามฟ้องเป็นการขนส่งจากประเทศไทยไปยังต่างประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย ที่อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

 

วินิจฉัย ณ วัน 27 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐

 

เมทินี ชโลธร

(นางเมทินี ชโลธร)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ