Print
Category: 2559
Hits: 50

คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วท ๒/๒๕๕๙ นางสาวสิวินีย์ ปากชำนิ     โจทก์

                                                                                 บริษัทสยาม ฟอร์จูน กรุ๊ป

                                                                                 จำกัด                         จําเลย

 

         ตามคำฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์เข้าใช้พื้นที่บริการตามข้อตกลงจนครบกำหนดระยะเวลาและส่งมอบพื้นที่คืนจำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงให้แก่โจทก์ ส่วนจำเลยให้การโต้แย้งว่า โจทก์ไม่ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนเกิดหนี้ค้างชำระกับบริษัท ห. สาขาร้อยเอ็ด และไม่ส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อยตามกำหนดเวลาเป็นเหตุให้บริษัท ห. หักหนี้ที่
ค้างชำระและริบเงินประกันทั้งหมด กรณีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
ในการเข้าใช้พื้นที่บริการหรือไม่ และจำเลยต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด แม้โจทก์
จะได้ทำสัญญาแฟรนไชส์ในการขอใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า
COOL OCHAYA หรือ OCHAYA กับบริษัท อ. ซึ่งมีกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนเป็นบุคคลคนเดียวกับกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลย แต่ก็เป็นเพียงการระบุถึงสิทธิของโจทก์ในการใช้เครื่องหมายการค้า
COOL OCHAYA หรือ OCHAYA ในการประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชานมไข่มุกภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวในบริเวณพื้นที่ที่โจทก์ทำข้อตกลงขอใช้บริการจากจำเลยเท่านั้น กรณีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ ๒๕๓๙

_____________________________

 

         โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ขอใช้สิทธิเครื่องหมายการค้า COOL OCHAYA หรือ OCHAYA โดยทำสัญญาแฟรนไชส์กับบริษัทโอชายะ กรุ๊ป จำกัด กำหนดระยะเวลา ๒ ปี นับแต่วันที่๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ต่อมาวนที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จำเลยโดยนายหยู กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโอชายะ กรุ๊ป จำกัด
ด้วย  ได้ขอใช้บริการพื้นที่กับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)สาขาร้อยเอ็ด มีกำหนด ๓  ปี
นับแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อประกอบกิจการค้าประเภทเครื่องดื่ม
โดยใช้ขื่อทางการค้าว่า Ochaya โจทก์ได้ทำบันทึกข้อตกลงเข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวแทนจำเลยเพื่อประกอบกิจการจำหน่ายชานมไข่มุกภายใต้เครื่องหมายการค้าCOOL OCHAYA หรือ OCHAYA มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๘ ในอัตรา
ค่าใช้พื้นที่บริการเดือนละ ๔๑,๙๔๔ บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ชำระทุกวันที่ ๑ ของเดือน และในวันที่
ทำบันทึกข้อตกลง โจทก์ได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าให้แก่จำเลยเป็นเวลา ๓ เดือน เป็นเงิน ๑๒๕,๘๓๒ บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และวางเงินประกันในการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการเข้าใช้พื้นที่บริการอีกเป็นเงิน ๒๕๑,๖๖๔ บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๗๗,๔๙๖ บาท โดยบันทึกข้อตกลงระบุว่า
หากโจทก์เข้าใช้พื้นที่บริการจนครบกำหนดและโจทก์ได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากพื้นที่
ส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อย จำเลยจะคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ โจทก์บอกกล่าวจำเลยล่วงหน้าแล้วว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะใช้พื้นที่บริการต่อไปเมื่อครบกำหนดเวลาตามบันทึกดข้อตกลง และเมื่อ
ครบกำหนดระยะเวลาตามบันทึกข้อตกกลงโจทก์ได้ส่งมอบพื้นที่เข้าใช้บริการในสภาพเรียบร้อย
คืนแก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันการเข้าใช้พื้นที่บริการเป็นเงิน ๒๕๑,๖๖๔ บาท แก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินประกันการเข้าใช้พื้นที่หลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความมเสียหายไม่ได้รับคืนเงินประกันการเข้าใช้พื้นที่ให้บริการนเป็นเงิน ๒๕๑,๖๖๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๘ จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๒๖๖ วัน คิดเป็นดอกเบี้ย ๒๗,๕๑๐ บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๗๙,๑๗๔ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน๒๗๙,๑๗๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๒๕๑,๑๗๔ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มิได้บอกกล่าวจำเลยล่วงหน้าเพื่อแจ้งต่อจำเลยว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลงแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์จะใช้พื้นที่ให้บริการต่อไป ตามสัญญาแฟรนไชส์และบันทึกข้อตกลง โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้จากจำเลย ได้แก่ ค่าบริการใช้สถานที่ ค่าภาษีโรงเรือน ค่าน้ำประปา
ค่าไฟและอื่น ๆ แต่ในระหว่างที่โจทก์ใช้สถานที่ดังกล่าว โจทก์ไม่ชำระค่าใช้จ่ายจนเกิดหนี้ค้างชำระกับบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)  สาขาร้อยเอ็ด รวมเป็นเงิน ๑๘๒,๙๐๓ บาท
บริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) จึงหักหนี้ที่ค้างชำระจากเงินประกันไปจากจำเลย
เหลือเงินประกันหลังหักชำระหนี้ค้างเป็นเงิน ๖๘,๗๖๐ บาท และตามบันทึกข้อตกลงระบุว่า หากโจทก์เข้าใช้พื้นที่บริการจนครบกำหนดตามบันทึกข้อตกลงและระยะเวลาได้สิ้นสุดแล้ว โจทก์ได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากพื้นที่ ส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อยจำเลยจะคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ แต่เมื่อระยะวเลาตามบันทึกข้อตกลงสินสุดลงเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๘ โจทก์ไม่ได้ทำการขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่และส่งมอบพื้นที่คืนจำเลยในสภาพเรียบร้อย จำเลยต้องบอกกล่าวให้โจทก์เข้าไปดำเนินการรื้อถอนทรัพย์สินหลายครั้งจนโจทก์ดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเกินกำหนดเวลาต้องส่งมอบพื้นที่คืนเป็นระยะเวลา ๘๘ วัน จึงถือว่าโจทก์ผิดนัด และทำให้จำเลยต้องตกเป็นฝ่ายผิดสัญญากับบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) ทำให้บริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) รับเงินประกันส่วนที่เหลือ ๖๘,๗๖๐.๕๙ บาท เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าจึงอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ขอให้ยกฟ้อง

         ในวันนัดพิจารณาของศาลจังหวัดพระโขนงพิจารณาแล้ว เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยตามมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙

         วินิจฉัยว่า กรณีมีปัญญาที่ต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ
ในเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องและคำให้การ คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดระหว่างโจทก์กับจำเลยตามบันทึกข้อตกลงในการใช้พื้นที่บริการบริเวณห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาร้อยเอ็ด
ซึ่งโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เข้าใช้พื้นที่บริการตามข้อตกลงจนครบกำหนดระยะเวลาและส่งมอบพื้นที่คืนจำเลยแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงให้แก่โจทก์ส่วนจำเลยให้การโต้แย้งว่า โจทก์ไม่ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จนเกิดหนี้ค้างชำระกับบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) สาขาร้อยเอ็ด และไม่ส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อยตามกำหนดเวลาเป็นเหตุให้บริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หักหนี้ที่ค้างชำระและริบเงินประกันทั้งหมด กรณีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาในการเข้าใช้พื้นที่บริการตหรือไม่ และจำเลยต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงมด แม้โจทก์จะได้ทำสัญญาแฟรนไชส์ในการขอใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า COOL OCHAYA หรือ OCHAYA กับบริษัทโอชายะ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนเป็นบุคคลเดียวกับกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยแต่ก็เป็นเพียงการระบุถึงสิทธิของโจทก์
ในการใช้เครื่องหมายการค้า COOL OCHAYA หรือ OCHAYA ในการประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชานมไข่มุกภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวในบริเวณพื้นที่ที่โจทก์ทำข้อตกลงขอใช้บริการ
จากจำเลยเท่านั้น ประกอบกับปรากฏจากคำให้การว่า โจทก์เป็นผู้ขอใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า COOL OCHAYA หรือ OCHAYA กับบริษัทโอชายะ กรุ๊ป จำกัด ตามสัญญาแฟรนไชส์ กรณีจึงไม่มีประเด็นพิพ่าเกี่ยวข้องกับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณา
คดีทรัพย์ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.๒๕๓๙

         วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

 

วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙

 

เมทินี ชโลธร

(นางเมทินี ชโลธร)

ประธานศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ

        

สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ

นิภา ชัยเจริญ - ตรวจ