คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ วท ๑๓/๒๕๕๙ บริษัทพรีเมียร์ โซลูชั่น
จำกัด โจทก์
นางสาวพิมตะวัน
ปัญญาธรรม จําเลย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า รายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายที่โจทก์ว่าจ้างให้บุคคลอื่นจัดทำขึ้นนั้นเป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์กระทำการอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์โดยการทำซ้ำด้วยการคัดลอก ดัดแปลงบางส่วนบางตอนในส่วนอันเป็นสาระสำคัญของรายงานการตรวจประเมินดังกล่าวและนำออกเผยแพร่โดยการนำออกจำหน่ายหรือขายหากำไรในทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ อันเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดจากการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เกี่ยวพันโดยตรงกับงานที่โจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งจำเลยก็ให้การว่างานตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ใช่งานอันมีลิขสิทธิ์ ตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า งานตามฟ้องโจทก์เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์หรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่ เพียงใด อันเป็นการพิพาทเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ ส่วนที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการทำงานของจำเลยที่ปฏิบัติไปตามหน้าที่ในสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่ อย่างไร ตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับสัญญาจ้างแรงงาน ฉะนั้น คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (3) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการตลาด โจทก์ลงทุนโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนการลงทุนในโครงการต่าง ๆ โจทก์ว่าจ้างบริษัทสำนักงานกฎหมายอาซูมิซาไก จำกัด ในประเทศญี่ปุ่นทำการศึกษาสถานะทางกฎหมายและจัดทำรายงานการตรวจประเมินทางเทคนิค โดยศึกษา สำรวจ และเก็บข้อมูลเพื่อเสนอแนวทางการทำธุรกิจประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำข้อมูลไปเสนอต่อคณะกรรมการบริหารของโจทก์ บริษัทสำนักงานกฎหมายอาซูมิซาไก จำกัด จัดทำรายงานการตรวจประเมินทางกฎหมาย
เป็นหนังสือ มีชื่อว่า Legal Due Diligence Report ซึ่งประกอบด้วยรายงาน ๖ ฉบับ ส่งให้แก่โจทก์
โดยโจทก์เป็นผู้ว่าจ้างจึงเป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗
ถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำเลยได้นำรายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายไปทำซ้ำด้วย
การคัดลอกดัดแปลงบางส่วนบางตอนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญที่เก็บรักษาไว้ในรูปแบบข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งรายงานการตรวจประเมินดังกล่าวทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่นายยุทธ ชินสุภัคกุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก
จำกัด (มหาชน) อันเป็นบริษัทคู่แข่งทางการค้าของโจทก์ และนายยุทธได้นำรายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายที่จำเลยส่งให้ไปใช้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ก่อนโจทก์
การกระทำของจำเลยเป็นการทำซ้ำ หรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ เพื่อเผยแพร่
และนำออกจำหน่ายหรือขายหากำไรในทางการค้า ทั้งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายในการศึกษาข้อมูลโครงการ
และว่าจ้างบริษัทสำนักงานกฎหมายอาซูมิซาไก จำกัด ให้ศึกษาและจัดทำรายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายแก่โจทก์เป็นเงิน ๕๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างบริษัทเอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด
ในการสืบหาการกระทำผิดและดำเนินการทางกฎหมายเพื่อดำเนินคดีจำเลยเป็นเงิน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายรายเดือน เดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท จากการกระทำละเมิดอย่างต่อเนื่องจนกว่าจำเลย
จะเลิกใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าเสียหายอัตราเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท จากการทำละเมิดอย่างต่อเนื่องจนกว่าจำเลยจะเลิกใช้งาน
อันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยลงประกาศโฆษณายุติการใช้งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม
ของโจทก์ในหนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในประเทศไทย และขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยใช้และยุ่งเกี่ยวกับรายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายอันเป็นงานมีลิขสิทธิ์ของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ ปฏิบัติงานตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการตลาด
มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้านักลงทุนเพื่อขายโครงการ โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งาน
ตามฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์ ข้อมูลในรายงานเป็นข้อมูลเปิดเผยและไม่ใช่งานอันมีลิขสิทธิ์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยได้ทำการส่งข้อมูลของโจทก์จริงแต่กระทำไปในฐานะพนักงานของโจทก์และตามคำสั่งของโจทก์โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์เพื่อเสนอข้อมูลดังกล่าวให้ลูกค้าของโจทก์ ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการทำงานของจำเลยที่ปฏิบัติไปตามหน้าที่ในสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฟ้องโจทก์
เป็นฟ้องซ้ำ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมามิใช่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และโจทก์กำหนดขึ้นมาเอง
ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจารณาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ จึงส่งสำนวนมาให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙
วินิจฉัยว่า กรณีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า รายงานการตรวจประเมินทางกฎหมายที่โจทก์ว่าจ้างให้บุคคลอื่นจัดทำขึ้นนั้นเป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์
ของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์กระทำการอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม
ของโจทก์โดยการทำซ้ำด้วยการคัดลอก ดัดแปลงบางส่วนบางตอนในส่วนอันเป็นสาระสำคัญของรายงานการตรวจประเมินดังกล่าวและนำออกเผยแพร่โดยการนำออกจำหน่ายหรือขายหากำไรในทางการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ อันเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดจากการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เกี่ยวพันโดยตรงกับงานที่โจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งจำเลยก็ให้การว่า งานตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ใช่งานอันมีลิขสิทธิ์ ตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า งานตามฟ้องโจทก์เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์หรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่ เพียงใด อันเป็นการพิพาทเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ ส่วนที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการทำงานของจำเลยที่ปฏิบัติไปตามหน้าที่ในสัญญา
จ้างแรงงาน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศนั้น
เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำ
ของจำเลยเป็นการกระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่ อย่างไร ตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีประเด็น
ข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับสัญญาจ้างแรงงาน ฉะนั้น คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติมาตรา ๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณา
คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นางเมทินี ชโลธร)
ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนาถพงษ์ - ย่อ
นิภา ชัยเจริญ - ตรวจ