Print
Category: 2567
Hits: 91

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1839/2567  นาง จ.                                   โจทก์

                                                                     นาย ธ.                                  จำเลย

ป.พ.พ. มาตรา 1598/39

ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง, 177 วรรคสาม

         ฟ้องแย้งของจำเลยเพียงแต่ขอลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามที่เคยทำบันทึกการหย่า
ท้ายทะเบียนหย่าไว้ โดยอ้างเหตุบุตรอายุบรรลุนิติภาวะแล้วกับพฤติการณ์รายได้ของจำเลยเปลี่ยนแปลงไปนั้น ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ตามฟ้องเดิมอยู่แล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/39
ฟ้องแย้งของจำเลยจึงมิได้มีคำขอให้บังคับ
ให้โจทก์ต้องกระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างไรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง และมาตรา 177 วรรคสาม จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

______________________________

         โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูที่ค้างชำระ ๘๔๙,๖๕๔ บาท
พร้อมดอกเบี้ยอัตราผิดนัดนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระ
ค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาว ส. บุตรผู้เยาว์ เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า
นางสาว ส. จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียน
ยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๐๖๙๔ ให้แก่บุตรทั้งสามตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า

         จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้พิพากษาแก้ไขในส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดูตามบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า ในส่วนของนาย น. และนางสาว ว. นับตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ และแก้ไขลดค่าอุปการะเลี้ยงดู
ในส่วนของนางสาว ส. ลงเหลือเพียงเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๙๘/ ๓๙

         ศาลชั้นต้น มีคำสั่งรับคำให้การของจำเลย ส่วนฟ้องแย้งเห็นว่า ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ

         จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหา
ต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของจำเลยประการเดียวว่า ฟ้องแย้งของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยฟ้องแย้งขอให้พิพากษาลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรลงเนื่องจาก
ขณะทำบันทึกท้ายทะเบียนการหย่า นาย น. บรรลุนิติภาวะไปแล้ว ส่วนนางสาว ว. บรรลุนิติภาวะตั้งแต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำเลยไม่มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจึงต้องลดลงตามส่วน ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ทำให้จำเลยมีรายได้หรือฐานะลดลง บางเดือนก็ไม่มีรายได้ จำเลยมีความสามารถ
ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาว ส. บุตรผู้เยาว์ได้เพียงเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เท่านั้น จึงเป็นการฟ้องแย้งเพื่อขอให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ ซึ่งเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูในอนาคต ฟ้องแย้งของจำเลย
จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม เห็นว่า ฟ้องแย้งเป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งซึ่งนอกจากจะต้องมีสภาพแห่งข้อหาว่า
โจทก์โต้แย้งสิทธิของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอย่างไร รวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา
เช่นว่านั้นแล้ว ยังต้องมีคำขอบังคับ คือ จะให้ศาลบังคับโจทก์ให้กระทำหรืองดเว้นการกระทำอย่างไร
ในเรื่องที่ถูกโต้แย้งสิทธินั้นด้วยตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง และมาตรา ๑๗๗ วรรคสาม คดีนี้จำเลยฟ้องแย้งโดยเพียงแต่ขอให้พิพากษาลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
ตามบันทึกการหย่าท้ายทะเบียนการหย่า ฉบับลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ลงโดยอ้างเหตุว่า
ขณะทำบันทึกการหย่านาย น. บรรลุนิติภาวะแล้วต่อมานางสาว ว. บรรลุนิติภาวะเช่นกัน คงเหลือแต่นางสาว ส. ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่เท่านั้น และจำเลยอ้างว่าพฤติการณ์รายได้และฐานะของจำเลยเปลี่ยนแปลงไปโดยจำเลยมีรายได้ลดลง บางเดือนก็ไม่มีรายได้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
โควิด ๒๐๑๙ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๙๘/๓๙ บัญญัติว่า เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลจะสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู
โดยให้เพิกถอน ลด เพิ่มหรือกลับให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกก็ได้ ซึ่งหากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าพฤติการณ์รายได้หรือฐานะของจำเลยเปลี่ยนแปลงลดลงดั่งที่จำเลยกล่าวอ้าง ศาลก็อาจพิจารณาลดค่าอุปการะเลี้ยงดูที่จำเลยต้องชำระตามบันทึกการหย่าท้ายทะเบียนการหย่าลงตามพฤติการณ์แห่งคดี ซึ่งศาลมีอำนาจวินิจฉัยตามฟ้องเดิมและคำให้การของจำเลยซึ่งก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่ศาลวินิจฉัย
ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องมีการบังคับให้โจทก์กระทำการใดเพราะจำเลยย่อมได้รับผลแห่งคำพิพากษาอยู่แล้ว
หาใช่เป็นเรื่องที่ต้องฟ้องแย้งมาในคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม ฟ้องแย้งของจำเลยจึงมิได้มีคำขอให้บังคับให้โจทก์ต้องกระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวข้อง
กับฟ้องเดิมและมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล
อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น และจำเลยอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งที่ขอให้ลดค่าอุปะการะเลี้ยงดูบุตร
คู่ความได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๕๕ จำเลยจึงไม่ต้องเสีย
ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์

         พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ๒๐๐ บาท แก่จำเลย.

(ปารณี มงคลศิริภัทรา – วิชาญ เทพมาลี – เนตรดาว มโนธรรมกิจ)

อุษา จิวะชาติ - ย่อ

สัญชัย ภักดีบุตร - ตรวจ