Print
Category: 2567
Hits: 8

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 3540/2567 บริษัท จ.                               ผู้ร้องขอ

                                                                      นาย ว. กับพวก                      ผู้คัดค้าน

                                                                      บริษัท ก.                                ลูกหนี้

ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา ๑๔

        ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติว่า “นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว คดีนั้น
อยู่ในระหว่างพิจารณา และผลแห่งการนี้ (๑) ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้น
ต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น...”  คดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ผู้ร้องขอยื่น
คำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้รายเดียวกัน แม้ศาลล้มละลายกลาง
จะมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ก็ถือได้ว่าผู้ร้องขอในคดีดังกล่าวมีฐานะเช่นเดียวกับโจทก์นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว แม้ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอคดีนี้ภายหลังการอ่าน
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแล้ว แต่ต่อมาศาลฎีการับคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ไว้พิจารณา จึงต้องถือว่าผู้ร้องขอยื่นคำร้อง
ขอคดีนี้ขณะที่คดีก่อนอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ผู้ร้องขอจะนำคดีเรื่องเดียวกันมาร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการลูกหนี้รายเดียวกันอีกไม่ได้  คำร้องขอของผู้ร้องขอคดีนี้จึงเป็นคำร้องขอซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖  ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (๑) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14

______________________________

         ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอ ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และตั้งบริษัท อ.
เป็นผู้ทำแผน

         ลูกหนี้ และผู้คัดค้านที่ ๑ ถึงที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้แรงงานรายที่ 117, 263 และ 289 ตามลำดับ ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง

         ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

         ผู้ร้องขอ ลูกหนี้ และผู้คัดค้านทั้งสามอุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้
โดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์โต้แย้งว่า ผู้ร้องขอเคยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ครั้งแรก
ต่อศาลล้มละลายกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ ๑/๒๕๖๑ ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟ ๑๑/๒๕๖๑ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลและในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ โดยให้เหตุผลว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้จำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขอฎีกา
คดีถึงที่สุด ต่อมาครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
ต่อศาลล้มละลายกลางอีกเป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟฟ ๑๑/๒๕๖๖ แต่ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอ
ในวันที่ 25 เมษายน 2566 เนื่องจากคำร้องขอยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นหนี้และเอกสารประกอบที่สำคัญอีกหลายประการ ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการว่า “เนื่องจากศาลยังไม่มีคำสั่งรับคำร้องขอ และผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอ ตามคำร้องขอฉบับลงวันที่วันนี้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอ จำหน่ายคดีจากสารบบความ คืนเงินประกันค่าใช้จ่ายคงเหลือ”
เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ลูกหนี้ขออนุญาตอุทธรณ์พร้อมอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์
คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับหรือแก้ไขคำสั่งศาลล้มละลายกลางเป็น “ให้ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ
เสียทั้งสิ้น” ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ลูกหนี้อุทธรณ์ โดยศาลล้มละลายกลาง
อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๖ ต่อมาในวันเดียวกันผู้ร้อง
ขอยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ต่อศาลล้มละลายกลางอีกเป็นคดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ ฟฟ ๒๑/๒๕๖๖) หลังจากนั้นลูกหนี้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ โดยขอให้ศาลฎีกา
มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษและมีคำสั่งใหม่เป็นให้ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ
ของผู้ร้องขอเสีย โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษรับอุทธรณ์ของลูกหนี้
เพื่อวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวอีก กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องขอเสียก่อนว่า
คำร้องขอฟื้นฟูกิจการในคดีนี้เป็นคำร้องขอซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖
ของศาลล้มละลายกลางหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
วรรคสอง บัญญัติว่า “นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา และผลแห่งการนี้ (๑) ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น...” คดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้รายเดียวกัน
แม้ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ก็ถือได้ว่าผู้ร้องขอในคดีดังกล่าว
มีฐานะเช่นเดียวกับโจทก์นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว แม้ผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอคดีนี้ภายหลังการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแล้ว แต่ต่อมาศาลฎีการับคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์
ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ไว้พิจารณา จึงต้องถือว่าผู้ร้องขอยื่นคำร้องขอคดีนี้ขณะที่คดีก่อนอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ผู้ร้องขอจะนำคดีเรื่องเดียวกันมาร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการลูกหนี้
รายเดียวกันอีกไม่ได้ คำร้องขอของผู้ร้องขอคดีนี้จึงเป็นคำร้องขอซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ ฟฟ ๑๐/๒๕๖๖ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (๑) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14
ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอมานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องขอฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ในประเด็นอื่นตามอุทธรณ์ของผู้ร้องขอรวมทั้งอุทธรณ์ของลูกหนี้และผู้คัดค้านทั้งสามอีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

(เพชรน้อย สมะวรรธนะ - สิริพร เปรมาสวัสดิ์ สุรมณี - อัจฉรา ประจันนวล)

สรายุทธ์ เตชะวุฒิพันธุ์ - ย่อ

                               ปวีณา แสงสว่าง - ตรวจ