Print
Category: 2566
Hits: 506

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 4974/2566 นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย                 โจทก์

                                                                    นายกำพล ปัญญาพฤฒิโชติ              จำเลย

ป.พ.พ. มาตรา ๑๕0

ป.อ. มาตรา 341

พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา 2๔, 27, 91, 165 (1)

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔

         หนี้ตามสัญญาเช่าช่วงเป็นหนี้ระหว่างบริษัท ซ. โดยโจทก์กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ให้เช่าช่วง กับบริษัท ท. โดยจำเลยกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้เช่าช่วง ไม่ปรากฏว่าโจทก์จะเรียกร้องค่าเช่า
เป็นประโยชน์ส่วนตัวได้เพราะเหตุใด และจำเลยจะต้องรับผิดในหนี้ค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงค้างชำระ
เพราะเหตุใด ทั้งนี้ค่าเช่าในส่วนที่เกิดก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ต้องไปยื่นคำขอรับชำระหนี้
ในคดีล้มละลายในคดีที่บริษัท ท. ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเพียงการเข้าไป
เพื่อรับผิดในหนี้ที่บริษัท ท. ซึ่งมีจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจต้องรับผิด มิได้ทำให้จำเลยได้ทรัพย์สินไปจากโจทก์เนื่องจากการการทำหนังสือรับสภาพหนี้แต่อย่างใด การที่จำเลยทำหนังสือ
รับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ไว้ในขณะที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นการกระทำของจำเลยที่ไม่ได้
ทำตามคำสั่งหรือได้รับความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 ทั้งการที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้
ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำให้โจทก์ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการกระทำ
ที่จำเลยกระทำให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่ครบองค์ประกอบในความผิดฐานฉ้อโกง
ตาม ป.อ. มาตรา 341

         พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไม่ได้บัญญัติเรื่องผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับล้มละลายไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำ ป.วิ.อ. มาใช้บังคับโดยอนุโลม ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลล้มละลาย
และวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14 เมื่อโจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าจำเลย
รับสินเชื่อจากโจทก์มีจำนวนตั้งแต่สองพันบาทขึ้นไปโดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย หากเป็นความจริงดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้ว นิติกรรมสัญญาที่จำเลยทำให้
แก่โจทก์ไว้ย่อมตกเป็นโมฆะ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 และมาตรา 24 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 150 โจทก์ไม่อาจบังคับตามสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นราษฎรจึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับล้มละลายในความผิดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483
มาตรา 165 (1) ได้

         คำว่า “รับสินเชื่อ” ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 165 (1) หมายถึง การกู้ยืมเงิน หรือ การได้รับทรัพย์สิน สินค้า และบริการต่าง ๆ จากบุคคลอื่นโดยอาศัยสัญญาต่าง ๆ ซึ่งคู่สัญญาอีกฝ่ายอนุญาตให้ชำระหนี้หรือชำระเงินในภายหลัง การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ไว้ในหนี้ที่บริษัท ท. ซึ่งมีจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ต้องรับผิดต่อบริษัท ซ. ซึ่งมีโจทก์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ การทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวมิได้ทำให้จำเลยได้รับเงิน หรือทรัพย์ หรือประโยชน์
สิ่งใด แล้วก่อให้เกิดหน้าที่แก่จำเลยต้องชำระคืนเงินหรือชำระหนี้เนื่องจากการทำหนังสือรับสภาพหนี้ การทำหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 165 (1)  

______________________________

 

         โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐, ๓๔๑
และพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๖๕ (๑) และขอให้มีคำสั่งให้จำเลยชำระเงิน
ค่าสินไหมทดแทน ๓๒,๙๖๙,๒๘๐.๖๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๓๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยอัตราดอกเบี้ยขอให้ปรับเปลี่ยนตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี

         ศาลล้มละลายกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

         จำเลยให้การปฏิเสธ และไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง

         ศาลล้มละลายกลาง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ

         โจทก์อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ บริษัทซี.เค. ไดมอนด์ จำกัด โดยโจทก์กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ให้เช่าช่วง ตกลงให้บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด โดยจำเลยกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้เช่าช่วง เช่าช่วงที่ดิน
โฉนดเลขที่ ๓๓๐๒ ตำบลมีนบุรี (บางชัน) อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ให้เช่าช่วง
ได้รับสิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวมาจากบริษัทสินเจริญธุรกิจ จำกัด (โดยนางศิริภรณ์) โดยผู้เช่าช่วงตกลงเช่าช่วงที่ดินบางส่วนเพื่อประกอบกิจการค้าของผู้เช่าช่วง คิดเป็นเนื้อที่ดินประมาณ ๘.๕ ไร่
ผู้ให้เช่าช่วงตกลงให้เช่าช่วงที่ดินบางส่วนตลอดอายุตามสัญญาแบ่งเช่าที่ดินฉบับลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ โดยนับตั้งแต่วันที่ ๓1 พฤษภาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ผู้เช่าช่วงตกลงชำระค่าตอบแทนการเช่าให้แก่
ผู้ให้เช่าช่วงจำนวน ๑๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยตกลงชำระในวันทำสัญญาจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และตกลงชำระในวันจดทะเบียนเช่าช่วงที่ดินเฉพาะส่วน ณ สำนักงานที่ดิน จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และชำระในวันที่ผู้เช่าช่วงเปิดดำเนินกิจการในที่ดินที่เช่าช่วงเฉพาะส่วนนี้จำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ชำระภายใน ๑๒๐ วัน หลังจากการเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ ผู้เช่าช่วงตกลงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าช่วงในอัตราเดือนละ ๑๗๐,๐๐๐ บาท โดยกำหนดชำระ
ค่าเช่าช่วงภายในวันที่ ๕ ของเดือน และเพิ่มค่าเช่าเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท ทุกสามปี ต่อมาวันที่
๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ บริษัทซี.เค. ไดมอนด์ จำกัด โดยโจทก์กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ให้เช่าช่วง ตกลง
ให้บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด โดยจำเลยกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้เช่าช่วง เช่าช่วงที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๐๒ ตำบลมีนบุรี (บางขัน) อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ให้เช่าช่วงได้รับสิทธิการเช่าที่ดิน
แปลงดังกล่าวมาจากบริษัทสินเจริญธุรกิจ จำกัด (โดยนางศิริภรณ์) โดยผู้เช่าช่วงตกลงเช่าช่วงที่ดินบางส่วนเพื่อประกอบกิจการค้าของผู้เช่าช่วง คิดเป็นเนื้อที่ดินประมาณ ๑๕ ไร่ ผู้ให้เช่าช่วงตกลง
ให้เช่าช่วงที่ดินบางส่วน ตลอดอายุตามสัญญาแบ่งเช่าที่ดินฉบับลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗
โดยเริ่มเช่าช่วงนับตั้งแต่วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ ไปถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ค่าตอบแทน
การเช่าและการชำระเงินค่าเช่า ให้สั่งจ่ายเงินค่าเช่าในนาม นายชาญ ผู้เช่าช่วงตกลงชำระค่าตอบแทนสิทธิการให้เช่าให้แก่ผู้ให้เช่าช่วงจำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยตกลงชำระในวันทำสัญญาจำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จะชำระเงินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผู้เช่าช่วงตกลงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าช่วงในอัตราเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยกำหนดชำระค่าเช่าช่วงภายในวันที่ ๕
ของเดือน อัตราค่าเช่าจะปรับขึ้นทุก ๆ ๓ ปี โดยปรับขึ้น ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ของค่าเช่าในขณะนั้น ต่อมา
มีการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล ๓๘๔๐/๒๕๖๐ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยและบริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด เด็ดขาด เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐
และพิพากษาให้จำเลยและบริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ล้มละลาย เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓
โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจากกองทรัพย์สินของจำเลยและกองทรัพย์สิน
ของบริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้
ให้แก่โจทก์ไว้ว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าเช่าที่ดินแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยตกลงชำระหนี้ให้แก่โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑ ปี เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้แล้ว จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบจำนวนที่เป็นหนี้ ยินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวทวงถาม
ไปยังจำเลยอีก และยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินที่ค้างชำระ
นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๔ จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้
ให้แก่โจทก์ว่า จำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าเช่าที่ดินแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๓๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยตกลงชำระหนี้แก่โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑ ปี นับแต่วันทำหนังสือรับสภาพหนี้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้แล้ว จำเลยไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ครบจำนวนที่เป็นหนี้ ยินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวทวงถามมายังจำเลยอีก และยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตรา
ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินที่ค้างชำระนับแต่วันที่ผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น จำเลยไม่เคยแจ้งการทำหนังสือรับสภาพหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

         ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ หรือไม่ เห็นว่า หนี้ตามสัญญาเช่าช่วง
เป็นหนี้ระหว่างบริษัทซี.เค. ไดมอนด์ จำกัด โดยโจทก์กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ให้เช่าช่วง กับ บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด โดยจำเลยกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้เช่าช่วง ไม่ปรากฏว่าโจทก์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
ของบริษัทซี.เค. ไดมอนด์ จำกัด จะเรียกร้องค่าเช่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวได้เพราะเหตุใด ส่วนจำเลย
ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของผู้เช่าช่วง จะต้องรับผิดในหนี้ค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงค้างชำระเพราะเหตุใด
ทั้งหนี้ค่าเช่าในส่วนที่เกิดก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ต้องไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
ในคดีที่บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๗ และมาตรา ๙๑ การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเพียง
การเข้าไปเพื่อรับผิดในหนี้ที่บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ซึ่งมีจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจต้องรับผิด มิได้ทำให้จำเลยได้ทรัพย์สินไปจากโจทก์เนื่องจากการการทำหนังสือรับสภาพหนี้แต่อย่างใด การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ไว้ในขณะที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เป็นการกระทำของจำเลย
ที่ไม่ได้ทำตามคำสั่งหรือได้รับความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์
หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๔ ทั้งการที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำให้โจทก์ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิแต่อย่างใด เนื่องจาก
เป็นการกระทำที่จำเลยกระทำให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่ครบองค์ประกอบในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง และเมื่อจำเลยไม่ได้รับทรัพย์ใดจากโจทก์ หรือก่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการทำเอกสารหมาย ล.๕ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนตามฟ้อง อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

            ปัญหาต้องวินิจฉัยตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๖๕ (๑) เฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะดำเนินคดีต่อบุคคลล้มละลายได้
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่า เมื่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ไม่ได้บัญญัติเรื่องผู้มี
อำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับล้มละลายไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘ บัญญัติว่า “บุคคลเหล่านี้
มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล (๑) พนักงานอัยการ (๒) ผู้เสียหาย” และมาตรา ๒ (๔) บัญญัติว่า “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง
รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ใน มาตรา ๔, ๕ และ ๖” เช่นนี้เมื่อโจทก์กล่าวอ้าง
ในคำฟ้องว่า จำเลยรับสินเชื่อจากโจทก์มีจำนวนตั้งแต่สองพันบาทขึ้นไปโดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย หากเป็นความจริงดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้ว นิติกรรมสัญญา
ที่จำเลยทำให้แก่โจทก์ไว้ย่อมตกเป็นโมฆะ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒
และมาตรา ๒๔ ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐ โจทก์ไม่อาจบังคับ
ตามสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นราษฎร จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับล้มละลายในฐานนี้ได้ คำแก้อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

         ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๖๕ (๑) หรือไม่ มาตรา ๑๖๕ บัญญัติว่า
“ในระหว่างเวลาตั้งแต่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จนถึงเวลาที่พ้นจากล้มละลาย ลูกหนี้คนใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ (๑) รับสินเชื่อจากผู้อื่นมีจำนวนตั้งแต่สองพันบาทขึ้นไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้นั้นทราบว่า
ตนถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลาย...” ตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้ คำว่า “รับสินเชื่อ” หมายถึง การกู้ยืมเงิน หรือ การได้รับทรัพย์สิน สินค้า และบริการต่าง ๆ จากบุคคลอื่นโดยอาศัยสัญญาต่าง ๆ ซึ่งคู่สัญญา
อีกฝ่ายอนุญาตให้ชำระหนี้หรือชำระเงินในภายหลัง การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้
ให้แก่โจทก์ไว้ในหนี้ที่บริษัทไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ซึ่งมีจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ต้องรับผิดต่อบริษัทซี.เค. ไดมอนด์ จำกัด ซึ่งมีโจทก์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ การทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว
มิได้ทำให้จำเลยได้รับเงิน หรือทรัพย์ หรือประโยชน์สิ่งใด แล้วก่อให้เกิดหน้าที่แก่จำเลยต้องชำระคืนเงินหรือชำระหนี้เนื่องจากการทำหนังสือรับสภาพหนี้ การทำหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยตามฟ้อง
ตามเอกสารหมาย จ.๕ จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๖๕ (๑) ที่ศาลล้มละลายกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนแพ่งชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

(เอื้อน ขุนแก้ว - ศักดิ์เสถียร สวนสุข - วาสนา บุญทรงสันติกุล)

รติมา  ชัยสุโรจน์ - ย่อ

                                                                                                                          สุรัชฎ์  เตชัสวงศ์ - ตรวจ