Print
Category: 2562
Hits: 21

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ ๑๗๔๖/๒๕๖๒  นายอเล็กซานเดอร์ วอลเลส วอลเลส    โจทก์

           บริษัทบิสโปก ฮอสพิทัลลิตี้
           แมเนจเม้นท์ เอเชีย จำกัด กับพวก    จำเลย

ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสาม

          โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ระหว่างทำงานจำเลยที่ ๑ ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้แก่โจทก์กรณีที่โจทก์สามารถเจรจากับเจ้าของโรงแรมให้มาทำสัญญาบริหารกิจการโรงแรมกับจำเลยที่ ๑ ได้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด ขอให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าตอบแทนที่ค้างชำระ ค่าเสียหาย และเงินอื่น ๆ จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ปกปิดข้อเท็จจริงไม่ให้จำเลยที่ ๑ รู้ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นผู้โน้มน้าวเจ้าของโรงแรมต่าง ๆ ให้ทำสัญญาบริหารกิจการโรงแรมกับจำเลยที่ ๑ แต่เป็นการแนะนำของบุคคลอื่น แล้วโจทก์เบิกเงินค่าตอบแทนจากจำเลยที่ ๑ ไปหลายครั้งหลายคราว ทำให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และฟ้องแย้งเรียกเอาเงินค่าตอบแทนที่จำเลยที่ ๑ จ่ายให้แก่โจทก์ไป ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นฟ้องแย้งที่กล่าวอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาจ้าง มิใช่เป็นการเรียกเอาเงินอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของโจทก์ตามสัญญาจ้าง และหากเป็นความจริงดังที่จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ จ่ายเงินตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ แต่โจทก์กลับต้องเป็นฝ่ายชดใช้เงินให้แก่จำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

______________________________

         โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๕๕๐,๐๐๐ บาท ค่าตอบแทนที่ยังค้างชำระ ๗๕๐,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ๘๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

         จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ชดใช้เงิน ๗๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ ๑

         ศาลแรงงานกลาง มีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยทั้งสอง ส่วนฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง

         จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ มีว่า ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับฟ้องแย้งโดยเห็นว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมชอบหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ระหว่างทำงาน จำเลยที่ ๑ ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้แก่โจทก์กรณีที่โจทก์สามารถเจรจากับเจ้าของโรงแรมให้มาทำสัญญาบริหารจัดการโรงแรมกับจำเลยที่ ๑ ในอัตราตามที่ระบุในสัญญาจ้าง ต่อมาจำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด ขอให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าตอบแทนที่ยังค้างชำระ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้าง
ที่ไม่เป็นธรรม จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์มีพฤติกรรมไม่สุจริต
โดยปกปิดข้อเท็จจริงไม่ให้จำเลยที่ ๑ รู้ว่าโจทก์ไม่ได้โน้มน้าวเจ้าของโรงแรมให้ลงนามในบันทึกข้อตกลง สัญญาบริหารกิจการโรงแรม และสัญญาให้บริการทางเทคนิคกับจำเลยที่ ๑ แต่เป็นการแนะนำ
ของบุคคลอื่น แล้วโจทก์เบิกเงินค่าตอบแทนจากจำเลยที่ ๑ ไปหลายครั้งหลายคราว รวมเป็นเงิน ๗๒๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่ ๑ เป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ ที่ขอให้โจทก์ชดใช้เงิน ๗๒๕,๐๐๐ บาท จึงเป็นฟ้องแย้งที่กล่าวอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาจ้าง หาใช่เป็นการเรียกร้องเอาเงินอื่น
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของโจทก์ตามสัญญาจ้างเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากไม่ และหากความจริง
เป็นดังที่จำเลยที่ ๑ ต่อสู้โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ จ่ายเงินตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ แต่โจทก์
กลับต้องเป็นฝ่ายชดใช้เงินให้แก่จำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑
จึงเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์พอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ นั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑
ฟังขึ้น

         พิพากษากลับ ให้รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ ไว้พิจารณาต่อไป.

(สุวรรณา  แก้วบุตตา – อนันต์  คงบริรักษ์ – วัฒนา  สุขประดิษฐ์)

                                                                                                    กรรณิกา  อัศวเมธา – ย่อ                                                                                                            สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ – ตรวจ