Print
Category: 2560
Hits: 26

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 670/2560     นางสาวพิมพ์อพิชยา  อินทร์โสภา

                                                                         กับพวก                                โจทก์

                                                                        บริษัทฟาร์โต้สแควร์ จำกัด     ผู้ซื้อทรัพย์

                                                                         บริษัทสยาม อมาโก้ โฮลดิ้งส์

                                                                         จำกัด (มหาชน)                        จำเลย

 

ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง, 309 ทวิ วรรคหนึ่ง, 309 ทวิ วรรคสอง, 309 ทวิ วรรคสี่

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

 

          จำเลยอุทธรณ์ประการแรกว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยประเมินและขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในราคาที่ต่ำเกินไป อันเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี การขายทอดตลาดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นอุทธรณ์เกี่ยวกับการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลแรงงานกลางซึ่งเป็นศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้วย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้มานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

          สำหรับอุทธรณ์ประการต่อมาของจำเลยที่ว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในครั้งที่ 3 เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้กำหนดให้ผู้เสนอราคาสูงสุดต้องผูกพันกับการเสนอราคาไว้ และจำเลยไม่ทราบวันนัดการขายทอดตลาดครั้งต่อไปนั้น เป็นการอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง มิใช่ประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดในราคาต่ำเกินสมควร อันจะทำให้คำสั่งศาลแรงงานกลางเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เหมือนกับประเด็นแรก แต่อย่างไรก็ดีปรากฏว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งเป็นการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 โดยผู้ที่เสนอราคาสูงสุดคือ บริษัท อ. เป็นเงิน 36,500,000 บาท แต่ต่อมาจำเลยขอถอนคำร้องในคดีดังกล่าวปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ ถ.2/2559 ที่พ่วงกับสำนวนคดีนี้ ซึ่งปรากฏหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างบริษัท อ. ในฐานะผู้ซื้อ กับเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม โดยผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 2,500,000 บาท และยินยอมผูกพันตนกับการเสนอราคาดังกล่าวเป็นระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เสนอราคานั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่ง ป.วิ.พ. และปรากฏจากประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งระบุวันนัดการขายทอดตลาดไว้ล่วงหน้า 6 ครั้ง ซึ่งจำเลยได้รับทราบและได้คัดค้านการขายทอดตลาดในครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ทั้งผู้ที่ยื่นคำร้องคัดค้านดังกล่าวก็คือทนายความของจำเลยที่เป็นผู้ดำเนินการแทนโดยลงลายมือชื่อรับทราบในการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 จึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำสัญญากำหนดให้ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในครั้งที่ 3 ให้ต้องผูกพันตนกับการเสนอราคาไว้แล้ว และจำเลยได้ทราบถึงการยึดทรัพย์และวันนัดการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้จึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนของศาลแรงงานกลาง อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัยเช่นกัน

______________________________

 

          คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสิบเจ็ด แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสิบเจ็ดจึงบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 179560 ตำบลลาดพร้าว อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และโฉนดที่ดินเลขที่ 12124 ตำบลลาดพร้าว อำเภอลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวโดยปลอดจำนองและกำหนดราคาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 38,699,125 บาท เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2559 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวครั้งที่ 4 ให้แก่บริษัทฟาร์โต้สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดในราคา 48,400,000 บาท

          จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งสองแปลง และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดใหม่

          ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า การประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทรัพย์พิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเพียงการประเมินราคาในชั้นต้น หากจำเลยเห็นว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ต่ำเกินไปก็ชอบที่จะคัดค้านการขายทอดตลาดได้ ในการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ แต่ในการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 ดังกล่าว จำเลยมิได้ปฏิบัติตามนั้น และมิได้หาผู้ซื้อที่จะเสนอราคาซื้อที่จำเลยต้องการมา ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เสนอราคาสูงสุดในวันนัดขายทอดตลาดครั้งที่ 3 ได้เสนอราคาสูงกว่าราคาที่ผู้เสนอราคาสูงสุดได้เสนอราคาในการขายทอดตลาดครั้งที่ 4 และวินิจฉัยว่ากรณีไม่มีเหตุเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ ดังนั้น การที่จำเลยอุทธรณ์ประการแรกว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยประเมินและขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในราคาที่ต่ำเกินไป อันเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี การขายทอดตลาดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นอุทธรณ์เกี่ยวกับการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง เมื่อศาลแรงงานกลางซึ่งเป็นศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้วย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้มานั้นเป็นการไม่ชอบศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

          สำหรับอุทธรณ์ประการต่อมาของจำเลยที่ว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในครั้งที่ 3 เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้กำหนดให้ผู้เสนอราคาสูงสุดต้องผูกพันกับการเสนอราคาไว้ และจำเลยไม่ทราบวันนัดการขายทอดตลาดครั้งต่อไปนั้น เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้เป็นการอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง มิใช่ประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดในราคาต่ำเกินสมควรอันจะทำให้คำสั่งศาลแรงงานกลางเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เหมือนกับประเด็นแรก แต่อย่างไรก็ดีปรากฏว่า เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งเป็นการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 โดยผู้ที่เสนอราคาสูงสุดคือ บริษัทอโนมาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นเงิน 36,500,000 บาท แต่ต่อมาจำเลยขอถอนคำร้องในคดีดังกล่าวปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ ถ.2/2559 ที่พ่วงกับสำนวนคดีนี้ ซึ่งปรากฏหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างบริษัทอโนมาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะผู้ซื้อ กับเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม โดยผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำไว้เป็นเงิน 2,500,000 บาท และยินยอมผูกพันตนกับการเสนอราคาดังกล่าวเป็นระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่เสนอราคานั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และปรากฏจากประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งระบุวันนัดการขายทอดตลาด
ไว้ล่วงหน้า 6 ครั้ง ซึ่งจำเลยได้รับทราบและได้คัดค้านการขายทอดตลาดในครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ทั้งผู้ที่ยื่นคำร้องคัดค้านดังกล่าวก็คือทนายความของจำเลยที่เป็นผู้ดำเนินการแทนโดยลงลายมือชื่อรับทราบในการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 จึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำสัญญากำหนดให้ผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทในครั้งที่ 3 ให้ต้องผูกพันตนกับการเสนอราคาไว้แล้ว และจำเลยได้ทราบถึงการยึดทรัพย์และวันนัดการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้จึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนของศาลแรงงานกลาง อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัยเช่นกัน

          พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย.

 

(อนุวัตร  ขุนทอง - ธีระพล  ศรีอุดมขจร - กนกรดา  ไกรวิชญพงศ์)

 

มนุเชษฐ์  โรจนศิริบุตร - ย่อ

สุโรจน์  จันทรพิทักษ์ - ตรวจ