Print
Category: 2565
Hits: 1602

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1412/2565  ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  โจทก์

                                                                     บริษัทเอ-เทค โพลีเมอร์ จำกัด

                                                                       กับพวก                                จำเลย

 

ป.วิ.พ. มาตรา ๑๘ และ ๒๒๖

         คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งรับคำให้การจำเลยที่ ๑ ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบหรือไม่ นั้น เมื่อปรากฏว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ ๑ ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ อันถือว่าเป็นคำสั่งที่รับคำคู่ความไว้แล้ว ในขณะที่จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ กล่าวอ้างว่าคำให้การดังกล่าวไม่ชอบ ศาลควรจะรับคำให้การของจำเลยที่ ๑ ฉบับลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ไว้ อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นการขอให้ศาล
มีคำสั่งรับคำให้การฉบับหนึ่งไว้แทนคำให้การอีกฉบับหนึ่ง ไม่ใช่การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับหรือให้คืน
คำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๘ กรณีจึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้าม
มิให้อุทธรณ์คำสั่งนี้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๘ ประกอบมาตรา ๒๒๖ (๑) วรรคหนึ่ง แห่ง ป.วิ.พ. ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ ไว้จึงไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย
 

______________________________

         คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน 8,989,774.08 บาท
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 7,792,442.04 บาท นับถัดจากวันฟ้อง
ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ ๑ ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หากจำเลยทั้งสาม
ไม่ชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสาม และที่ดินโฉนดเลขที่ 25419 และ 25762 ตำบล
หนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้
ให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2563 จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ยื่นคำให้การ ศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้รอไว้สั่งเมื่อผลการส่งหมายของจำเลยที่ ๑
เข้าสู่สำนวนแล้ว ต่อมาวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำให้การ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำให้การภายในระยะเวลา
ที่ศาลอนุญาตให้ขยายออกไป จึงรับคำให้การของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ สำเนาให้โจทก์ จากนั้นวันที่
11 พฤศจิกายน 2563 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งในคำให้การของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ว่า รับคำให้การจำเลยที่ ๓ สำเนาให้โจทก์
แต่ในส่วนของจำเลยที่ ๑ ได้ยื่นคำให้การร่วมกับจำเลยที่ ๒ ตามคำให้การลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 อีกหนึ่งฉบับ จึงให้รอไว้สอบถามจำเลยที่ ๑ ว่า ประสงค์จะใช้คำให้การฉบับใดเป็นคำให้การจำเลยที่ ๑

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า คำให้การของจำเลยที่ ๑
มี 2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563
ตามที่ศาลได้สอบคู่ความแล้ว ตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้ฉบับใด เมื่อจำเลยที่ ๑ มีการยื่นคำให้การฉบับแรก
โดยชอบแล้ว แม้ศาลจะยังไม่มีคำสั่งรับคำให้การฉบับดังกล่าว เนื่องจากรอรายงานผลการส่งหมาย
เข้าสู่สำนวน การยื่นคำให้การของจำเลยที่ ๑ ฉบับหลัง จึงเป็นการยื่นคำให้การซ้ำ ที่ศาลสั่งรับคำให้การเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ ๑ ในฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน ๒๕๖๓ จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลง เห็นสมควรให้เพิกถอนคำสั่งรับคำให้การฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เฉพาะในส่วนคำให้การของจำเลยที่ ๑ โดยให้มีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำให้การเฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๑ และมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยที่ ๑ ฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563

         จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ ว่า ที่ศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งรับคำให้การจำเลยที่ ๑ ลงวันที่
10 พฤศจิกายน 2563 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ ๑ ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563 อันถือว่าเป็นคำสั่งที่รับ
คำคู่ความไว้แล้ว ในขณะที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ ๒ กล่าวอ้างว่าคำให้การดังกล่าวไม่ชอบศาล
ควรจะรับคำให้การของจำเลยที่ ๑ ฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ไว้ อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็น
การขอให้ศาลมีคำสั่งรับคำให้การฉบับหนึ่งไว้แทนคำให้การอีกฉบับหนึ่ง ไม่ใช่การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 กรณีจึงเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 38 ประกอบมาตรา 226 (1) วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์
ของจำเลยที่ ๑ ไว้จึงไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับวินิจฉัย

         พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ ๑ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ ๑ ค่าฤชาธรรมเนียม
ชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ.

(จักรกฤษณ์  เจนเจษฎา - สมจิตร์  ปอพิมาย - อุไรรัตน์  น้อยสุวรรณ )

 ฐิติ  สุเสารัจ - ย่อ

นิภา  ชัยเจริญ - ตรวจ