Print
Category: 2565
Hits: 1278

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 2147/2565   บริษัท ว.                               โจทก์

                                                                        บริษัท อ. กับพวก                     จำเลย

 

ป.วิ.อ. มาตรา 167

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สิน
         ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา 39

         เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีอาญา คดีของโจทก์จึงอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๙ ซึ่งให้นำ ป.วิ.อ. มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิจารณาให้เห็นว่าคดีมีมูลหรือไม่ ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษายกฟ้องตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 167 คดีนี้ข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องพอรับฟังได้ว่า โจทก์เคยซื้อโปรแกรมบริหารงานขายพร้อมติดตั้งระบบและอบรมการใช้งานจากจำเลยที่ 1 โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1
ติดตั้งไม่แล้วเสร็จ จึงบอกเลิกสัญญา ต่อมาโจทก์พบว่าจำเลยที่ ๑ นำภาพเครื่องหมายของโจทก์
ไปทำซ้ำและเผยแพร่ต่อสาธารณชนในเว็บไซต์ของจำเลยที่ ๑ โดยใช้ข้อความว่า จำเลยที่ 1 ได้รับ
ความไว้วางใจหลากหลายประเภทธุรกิจ โดยมีภาพเครื่องหมายหลายเครื่องหมายวางเรียงกัน
และมีเครื่องหมายของโจทก์รวมอยู่ด้วย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ เมื่อพิเคราะห์สำเนาภาพถ่ายเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า เนื้อหาและข้อความที่ระบุว่า จำเลยที่ 1 ได้รับความไว้วางใจหลากหลายประเภทธุรกิจนั้น เมื่อข้อมูลที่โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยที่ 1 เป็นข้อมูลจริง
ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิด น่าจะพอฟังได้ว่าเป็นการสื่อความหมายว่า จำเลยที่ 1 มีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจหลายประเภทธุรกิจตามตัวอย่างเครื่องหมายของลูกค้า
ที่ปรากฏ ไม่น่าจะถึงขนาดที่จะฟังได้ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า สำเนาภาพถ่ายเว็บไซต์ดังกล่าว
ทำให้เข้าใจว่าโจทก์สนับสนุน อุปถัมภ์เงิน หรือว่าจ้างให้จำเลยทั้งสี่โฆษณาอันเป็นการแสดงเจตนาโดยทุจริต ดังนั้น การที่จำเลยที่ ๑ แจ้งหรือระบุข้อมูลของลูกค้าตามข้อเท็จจริงโดยใช้เครื่องหมายของลูกค้ารวมทั้งเครื่องหมายของโจทก์ในคดีนี้ ในลักษณะของการให้ข้อมูลข่าวสาร และไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิด ยังไม่อาจแสดงว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนา
ทางอาญา ฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ในคดีนี้ไม่มีมูล

______________________________

 

         โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๑๕, ๒๗, ๓๑, ๖๙, ๗๐, ๗๔, ๗๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และให้จำเลยทั้งสี่จ่ายค่าปรับ
ฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จำเลยทั้งสี่หยุดการทำละเมิด ทำซ้ำ ดัดแปลง และนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ในเว็บไซต์ www.armandosoftware.com และให้จำเลยทั้งสี่โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือบางส่วน
ในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง และในเว็บไซต์ www.armandosoftware.com โดยจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

 

         ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องทั้งในคดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่ง ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ

         โจทก์อุทธรณ์

         ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีสำหรับจำเลยทั้งสี่มีมูลหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำซ้ำหรือดัดแปลงเครื่องหมายของโจทก์ และเผยแพร่เครื่องหมายของโจทก์
ต่อสาธารณชน โจทก์อ้างต่อมาว่าภาพเครื่องหมายดังกล่าวเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ด้วย และโจทก์ฟ้อง
เป็นคดีอาญาข้อหาละเมิดงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทศิลปกรรมในลักษณะงานจิตรกรรม
และงานศิลปประยุกต์ การละเมิดลิขสิทธิ์ภาพเครื่องหมายตามที่โจทก์กล่าวอ้างนั้น โจทก์อาจฟ้อง
เป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือฟ้องเป็นคดีอาญาเพื่อให้มีการลงโทษอาญาแก่ผู้กระทำความผิดก็ได้ เมื่อโจทก์เลือกใช้การฟ้องเป็นคดีอาญา คดีของโจทก์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๙ ซึ่งให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิจารณาให้เห็นว่าคดีมีมูลหรือไม่ ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษายกฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 คดีนี้ ข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
พอรับฟังได้ว่า โจทก์เคยซื้อโปรแกรมบริหารงานขายพร้อมติดตั้งระบบและอบรมการใช้งานจากจำเลยที่ 1 โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ติดตั้งไม่แล้วเสร็จ จึงบอกเลิกสัญญา ต่อมาโจทก์พบว่าจำเลยที่ ๑ นำภาพเครื่องหมายของโจทก์ไปทำซ้ำและเผยแพร่ต่อสาธารณชนในเว็บไซต์ของจำเลยที่ ๑ โดยใช้ข้อความว่า จำเลยที่ 1 ได้รับความไว้วางใจหลากหลายประเภทธุรกิจ โดยมีภาพเครื่องหมายหลายเครื่องหมาย
วางเรียงกันและมีเครื่องหมายของโจทก์รวมอยู่ด้วย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ เมื่อพิเคราะห์
ตามสำเนาภาพถ่ายเว็บไซต์แล้ว เห็นว่า เนื้อหาและข้อความที่ระบุว่า จำเลยที่ 1 ได้รับความไว้วางใจหลากหลายประเภทธุรกิจนั้น เมื่อข้อมูลที่โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยที่ 1 เป็นข้อมูลจริง ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิด น่าจะพอฟังได้ว่าเป็นการสื่อความหมายว่า จำเลยที่ 1
มีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจหลายประเภทธุรกิจตามตัวอย่างเครื่องหมายของลูกค้าที่ปรากฏ ไม่น่าจะถึงขนาดที่จะฟังได้ตามอุทธรณ์ในข้อ 3.1 ของโจทก์ว่า สำเนาภาพถ่ายเว็บไซต์ดังกล่าว ทำให้เข้าใจว่า
โจทก์สนับสนุน อุปถัมภ์เงิน หรือว่าจ้างให้จำเลยทั้งสี่โฆษณาอันเป็นการแสดงเจตนาโดยทุจริต นอกจากนั้น หากเปรียบเทียบกับกรณีที่องค์กรธุรกิจต่าง ๆ ระบุหรือแจ้งข้อมูลเพื่อขอบคุณบริษัทลูกค้า โดยระบุเป็นรายชื่อลูกค้า หากเป็นข้อมูลจริง โดยไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิด น่าจะเป็นการแจ้งข้อมูลและข่าวสารโดยวัตถุประสงค์ของการให้ข้อมูลข่าวสารทั่วไป เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ในคดีนี้ แทนที่จะเป็นการระบุรายชื่อลูกค้า เว็บไซต์ของจำเลยที่ ๑ เปลี่ยนมาระบุโดยใช้ภาพเครื่องหมาย ความแตกต่างดังกล่าวไม่น่าก่อให้เกิดผลร้ายที่แตกต่างกันมากจนเกินไป มิฉะนั้น
จะกลายเป็นว่าการระบุรายชื่อลูกค้าที่ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิดสามารถกระทำได้ แต่การระบุรายชื่อลูกค้าโดยใช้ภาพเครื่องหมายกลายเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีความรับผิดทางอาญา และผู้กระทำต้องได้รับโทษจำคุกและปรับตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
การปรับใช้กฎหมายจนก่อให้เกิดผลร้ายที่แตกต่างกันมากจนเกินไปเช่นนั้น ย่อมขัดกับสามัญสำนึก
ของคนทั่วไป และเป็นการปรับใช้กฎหมายที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น การที่จำเลยที่ ๑ แจ้งหรือระบุข้อมูล
ของลูกค้าตามข้อเท็จจริงโดยใช้เครื่องหมายของลูกค้ารวมทั้งเครื่องหมายของโจทก์ในคดีนี้ ในลักษณะของการให้ข้อมูลข่าวสาร และไม่ได้ปรากฏว่าเป็นเจตนาที่ต้องการใช้ไปในทางที่ผิด ยังไม่อาจแสดงว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทางอาญา สำหรับประเด็นปลีกย่อยที่เหลือในอุทธรณ์ของโจทก์ไม่จำต้องพิจารณา เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง ฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ในคดีนี้ไม่มีมูล
ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีมูลและพิพากษา
ยกฟ้องทั้งในคดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งมานั้น ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วยในผล
อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

         พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมคดีส่วนแพ่งชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

(จุมพล ภิญโญสินวัฒน์ - คมน์ทนงชัย ฉายไพโรจน์ - ธิดา จรรยาทิพย์สกุล)

 

อมรชัย ศิริถาพร - ย่อ

กลอน รักษา - ตรวจ