คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2568 บริษัท ก. ลูกหนี้ผู้ร้องขอ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กับพวก ผู้คัดค้าน
ป.พ.พ. มาตรา 203 วรรคหนึ่ง, 229 (3), 291, 296, 341, 342
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 11/1, 124 วรรคสาม, 125 วรรคสอง
พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (9), 90/25, 90/27, 90/33
การขอหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย นอกจากพิจารณาหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว ยังมีบทบัญญัติตามหลักเกณฑ์ทั่วไปใน ป.พ.พ. ว่าด้วยการหักกลบลบหนี้
มาตรา 341 ถึงมาตรา 348 ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้เฉพาะครั้งคราว และหาก
การแสดงเจตนาที่จะต้องมีการหักกลบลบหนี้ต่อเนื่องหรือชั่วเวลาตามที่กำหนดก็ต้องนำ
หลักเกณฑ์เฉพาะในเรื่องสัญญาบัญชีเดินสะพัด มาตรา 856 ถึงมาตรา 860 มาพิจารณาอีกด้วย แม้ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๓ จะมิได้บัญญัติถึงสิทธิของลูกหนี้ในการขอใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ไว้ด้วย ก็มิได้หมายความว่าลูกหนี้จะไม่มีสิทธิเช่นนั้น เพียงแต่เมื่อลูกหนี้จะใช้สิทธิ
ขอหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ก็ชอบที่จะกระทำได้โดยดำเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ส่วนกรณีเจ้าหนี้เป็นฝ่ายขอใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ นอกจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ยังต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมตามที่บัญญัติใน พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/33 อีกด้วย
เพราะกฎหมายต้องการให้เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการใช้สิทธิแสดงเจตนา
ขอหักกลบลบหนี้กับลูกหนี้ เพื่อให้เจ้าหนี้รายนั้นๆ สามารถระงับหรือลดหนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอหรือเข้าสู่กระบวนการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ดังนั้น คำว่า “เจ้าหนี้” หมายถึง เจ้าหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/27 วรรคหนึ่ง ส่วนลูกหนี้ย่อมมิใช่เจ้าหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ตามความหมายของมาตราดังกล่าว บทบัญญัติมาตรา 90/33 จึงไม่นำมาใช้บังคับกับกรณีที่ลูกหนี้โดยผู้บริหารแผนจะขอหักกลบลบหนี้กับผู้คัดค้านที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้
ในการฟื้นฟูกิจการ แต่ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยการหักกลบลบหนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 341
มาใช้บังคับแก่กรณีที่ลูกหนี้จะขอหักกลบลบหนี้นี้ และในกรณีนี้ย่อมจำเป็นที่อย่างช้าลูกหนี้ควรใช้สิทธิเสียในขณะที่โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เว้นแต่หนี้ที่จะขอนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากเวลาที่ได้ขอรับชำระหนี้แล้ว โดยคำนึงถึงการบริหารกิจการลูกหนี้ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483
มาตรา 90/12 (9) ด้วย
เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้วตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/25 ประกอบมาตรา 90/12 (9) และคำสั่งอันถึงที่สุดของพนักงานตรวจแรงงานที่ให้ลูกหนี้ร่วมกัน
หรือแทนกันกับผู้คัดค้านที่ 2 จ่ายค่าจ้างและค่าชดเชยในฐานะนายจ้างที่เป็นลูกหนี้ร่วมของลูกจ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 291 โดยให้รับผิดเป็นส่วนเท่าๆ กัน และมีสิทธิเรียกร้องระหว่างกันได้
ด้วยการรับช่วงสิทธิ ตามมาตรา 296 และมาตรา 229 (3) แต่บทบัญญัติมาตรา 296 บัญญัติว่า เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งมีความหมายว่า ลูกหนี้ในฐานะผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้มอบหมายให้ผู้คัดค้านที่ 2 จัดหาคนมาทำงานให้ลูกหนี้ตามสัญญาที่มีต่อกัน หากได้มีการตกลงกันไว้ว่า ในระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านที่ 2 ความรับผิดร่วมกันในระหว่างกันเองไม่ต้องรับผิดชอบเท่ากันก็ได้ เมื่อเงื่อนไขการว่าจ้างบริการแนบท้ายสัญญาจ้าง ข้อ 9 กำหนดว่า “หากฝ่ายใด
ไม่ปฏิบัติตามสัญญานี้อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ผู้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญามีสิทธิ
เรียกค่าเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น” ถือว่าลูกหนี้กับผู้คัดค้านที่ 2 ได้ตกลงกำหนดเป็นอย่างอื่นแล้ว ดังนั้น เมื่อลูกหนี้วางเงินจ่ายค่าจ้างและค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างของผู้คัดค้านที่ 2 ลูกหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างและค่าชดเชยที่ชำระไปคืนจากผู้คัดค้านที่ 2 ได้ทั้งหมด แต่เนื่องจากหนี้เงินที่ลูกหนี้ชำระนั้นเป็นการชำระตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานย่อมขึ้นอยู่กับว่าลูกหนี้ปฏิบัติวันใด ถือว่า
เป็นหนี้เงินที่มิได้มีกำหนดเวลาชำระ ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ หนี้เงินจึงถึงกำหนดชำระโดยพลัน ในวันที่ลูกหนี้วางเงินต่อพนักงานตรวจแรงงาน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 203 วรรคหนึ่ง เมื่อลูกหนี้และผู้คัดค้านที่ 2 ต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกัน โดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและหนี้ทั้งสองรายถึงกำหนดชำระแล้ว ผู้บริหารแผนย่อมมีสิทธิแสดงเจตนานำมูลหนี้ค่าจ้าง
และค่าชดเชยที่ลูกหนี้ชำระให้ลูกจ้างของผู้คัดค้านที่ 2 มาหักกลบลบหนี้กับมูลหนี้ค่าจ้างที่
ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นขอรับชำระหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับชำระหนี้ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 341 วรรคหนึ่ง และมาตรา 342 แม้ผู้คัดค้านที่ 2 จะมีหนังสือแจ้งปฏิเสธ
การแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ของลูกหนี้ ก็หามีผลให้ไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ไม่ เพราะกรณี
ที่จะถือได้ว่าขัดกับเจตนาของผู้คัดค้านที่ 2 ตามความหมายของมาตรา 341 วรรคสอง จะต้องเป็นเจตนาที่ได้แสดงไว้ต่อกันตั้งแต่ขณะทำสัญญาจ้างบริการแล้ว ผู้บริหารแผนจึงมีสิทธินำเงินค่าจ้างและค่าชดเชยมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ของผู้คัดค้านที่ 2 ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้
(สอนชัย สิราริยกุล – วิเชียร ดิเรกอุดมศักดิ์ - ทวีศักดิ์ อุนนาทรรัตนกุล)
อนุชา กำแหงหาญ – ย่อ
สุทจิ์ธิฎา สุทธิพงศ์คณาสัย – ตรวจ
(คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ 1111/2566)